Wednesday, January 06, 2010

ถุงผ้ามหัศจรรย์

เขียนไว้กันลืม
14:02 กลับมาจากสระผม เมื่อคืนไม่ค่อนได้นอน บ้านไม่ได้กลับ ตอนบ่ายเลยแอบไปงีบซะหน่อย
กลับมาของสวัสดีปีใหมจาก Terminal 21 รออยู่ เป็น...ผ่าง










กรี๊ดสิคะ ใครไม่ชอบแต่ฉันชอบ...มาก


คริสบอกว่า ถ้าเอารูปตัวเองใส่ลงไป ป่านนี้เฟมัสแล้ว
เคยทำที่โรม แต่คุณป๊าดบอกให้เอาออก กร๊ากกกกก...
บางอันปาดมาไม่ค่อยดี เหลืองๆนะ
เลยเอาไปเปลี่ยนกะของนายซะเลย ได้อันนี้มา สวยสมใจ^^

Sunday, February 12, 2006

น้องหมา

อ่า รูปไม่ยอมขึ้น ไปดูในนี้ละกันนะ
http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=stu40&id=60

Thursday, December 22, 2005

อวด


















ดูรูปเพิ่มจากในนี้นะคะ ขี้เกียจโหลดแล้วล่ะ


ส่วนงานนี้...เสได้รางวัล THE FAN of stu'40 ไปอย่างสมศักดิ์ศรี เย๊ๆๆ

ง่วงจังวันนี้ ไปนู่นนี้มาตั้งหลายที่ ไปคณะ ไปซ่อมฟัน เข้าออฟฟิสอีก ไปแรด เฮ้อ...เหนื่อยอ่ะ

-----

ขอขอบพระคุณอาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ลาดกระบัง ที่คอยเป็นกำลังใจ ซับพอร์ทบุนตลอดเวลา ไม่ว่าจะจบมานานแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่ได้เจอกัน บุนรู้สึกถึงว่ายังเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์อยู่เสมอ และยังเป็นเพื่อนที่น่ารักมากที่สุดด้วย @:'-)

Monday, December 19, 2005

1ช่วงอาทิตย์นี้ของบุน

จันทร์ 12 ไปรับวีซ่า วันนี้ออฟฟิสหยุด แต่ก็ต้องออกจากบ้านไปเอา ก็ดี รถไม่ติด วิ่งไปตึกอับดุลราฮิมตรงข้ามสวนลุมแค่30นาทีเอง แต่ตอนรอนี่นานมาก ตอนแรกนึกว่าต้องสัมภาษณ์ โห...เซ็ง เพราะครั้งแรกของ่ายมาก มารับแล้วได้เลย ตรั้งนี้ปรากฎว่า พรินต์เตอร์เสีย วีซ่าออกแล้ว แต่พรินต์ไม่ออก นั่งรอ2ชั่วโมงครึ่ง...ฮ่วย...เสร็จแล้วไปกินยามาเนะกับพี่ปุ้มที่สยาม แล้วก็ไปเดินสยามดิส พี่ปุ้มเลือกเพลงให้เพื่อนทีทำงานที่เกษรเพราะต้องเอาไปเปิดในห้างช่วงคริสมาส บุนก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเพลงหรอก แต่อันที่ไม่ชอบที่สุดก็คือแจ๊ส ไม่รู้เป็นไง ไม่ชอบแจ๊สแฮะ คิดว่ามันชิวๆไป คนมาเดินจะอยากกลับโรงแรมมากกว่าซื้อของ

อังคาร 13 ทำงานตามปกติ ออกแบบลาย frosted sticker ให้พี่เต้ เพื่อเอาไปปิดบังความผิดพลาดในการออกแบบและประสานงานของสถาปนิก (ชื่อย่อ รบจบ) ตึก Q House Lumpini บุนว่าเป็นตึกที่รูปร่างภายนอกน่าเกลียดมากเลย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแบบที่ทำมาเมื่อ10ปีที่แล้วก็เถอะ มันไม่น่าเป็นรูปนี้ได้ หรือเป็นความต้องการของเจ้าของก็ไม่รู้นะ เพราะก็มีบ่อยๆที่งานออกแบบต้องถูกจำกัดด้วยอะไรแบบนั้น...

พุธ 14 ทำงานๆๆ ดีใจเพราะจะได้ลาเวเคชั่น3วัน คือ พฤหัส ศุกร์ แล้วก็จันทร์

พฤหัส 15 วันนี้จอยมาทำงานที่บ้านพบ เป็นออฟฟิสที่ดูเรียบร้อยดีทีเดียว จุดประสงค์ของบุนคือแอบไปสแกนรูปที่ต้องใช้จัดงานปีใหม่ที่บ้านพบ เพราะที่พบมีรูปเพื่อนๆเยอะมาก ดูไปขำไป เอ้อ เมื่อก่อนเพื่อนคนนี้เป็นงี้ๆๆๆ หน้าตาตลกกันมาก(เราก็ด้วย) บางคนก็ผอมครึ่งนึงของตอนนี้ได้มั๊ง แทบจำไม่ได้ แล้วก็คุยเรื่องการเตรียมงานนิดหน่อย เอากระเป๋าไปนะแต่ไม่มีตังค์ เพื่อนเลี้ยงข้าวตามระเบียบ...แฮ่ม

ศุกร์ 16 เตรียมงานอยู่ที่บ้าน ทำ Slide Power Point ที่ต้องใช้เล่นเกมส์ในวันงาน

เสาร์ 17 วันงานแล้ว เย๊ๆๆ ไปซื้อของกับจอยตอนสายๆ วันนี้เพื่อนๆยุ่งกันมากเลย สอบมั่ง เตรียมสอบมั่ง ทำงาน โอย วุ่นๆๆ แต่ก็สนุกมากเลย เพื่อนมากันเยอะจริงๆ อืมมม์ เอาไว้เล่าอย่างละเอียดวันหลังดีกว่า เก็บของกว่าจะเสร็จก็ตี3 นั่งคุยกันถึงตี3ครึ่งพลังก็หมดหลอด แต่จริงๆบุนยังมีเหลืออยู่บ้างนะ เพราะตอนเพื่อนๆเก็บของอยู่ข้างนอก บุนอู้มาล้างจาน เลยประหยัดพลังงานไปได้เยอะ ไม่ต้องเดินแฮะๆ

อาทิตย์ 18 เอาคัพเปอร์แวร์ไปคืนที่บ้านพบ แล้วก็ไปเอาข้าวของที่ลืมไว้ด้วย ไปช้วยล้างจานต่ออีกนิด โห...นี่ยังไม่หมดอีก สงสารเจ้าของบ้านว่ะ เป็นหม้อไหซากความเจริญจากเมื่อคืน แถมโดนประนามเรื่องเสื้อที่ใส่เป็นตัวเดียวกะเมื่อวาน แหะๆ ก็เพิ่งตื่นอ่ะ ดูแดะ ยังใส่กางเกงนอนอยู่เลย บังเอิ๊ญบังเอิญมีคนชวนดูคิงคองอีกแนะ บอกจอย "จอยๆ จะไปดูคิงคองว่ะ" จอยบอกเมิงเดินเข้าห้องนี้ไปนะเลี้ยวขวามีห้องอาบน้ำ... แฮ่ม!!ขอบใจหลายๆ สบายตัวเชียว... แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดูอ่ะ ไปทานข้าวอย่างเดียว แง่บๆ...

จันทร์ 19 โหย...วันสุดท้ายของเวเคชั่นแล้ว จริงๆอยากลาต่อเหมือนกันนะแต่เกรงใจที่ออฟฟิสแล้วง่ะ วันหยุดนี่เร็วเหมือนโกหก ชีวิดเราก็คงเหมือนกัน ถ้าประมาท แวบเดียวก็แก่แรด หมดแรงทำอะไรแล้ว วันนี้พาแม่ไปกิน ZEN ที่เซนทรัลบางนา ไปซื้อของต่ออีกนิดด้วย อ่อ พี่โน๊ต ของที่ฝากซื้อน่ะ บุนซื้อให้แล้วนะ

จบแล้วจ๊า ช่วงอาทิตย์นี้ของบุน เอาไว้ว่างๆบุนจะเอารูปงานปีใหม่มาโพสนะ
MERRY CHRISTMAS ล่วงหน้าค่ะ

Saturday, December 10, 2005

ทำฟันแถมธาตุเหล็กและวิตามิน

เช้านี้ตื่นมา9โมง ทั้งๆที่เมื่อคืนนอนดึกมาก มันเหมือนมีอะไรต้องทำค้างๆอยู่แฮะ อ้อ ความทรงจำเริ่มไหลกลับเข้ามาในหัว เมื่อคืนไปดูพารากอนมา(แอบภูมิใจลึกๆ) พอกลับมาก็มาดูเทปที่ITVเอามาฉายอีก จนเกือบตี2ถึงขึ้นมานอนข้างบน เจ็บเหงือกอ่ะ เป็นมาอาทิตย์นึงน่าจะหายได้แล้วน๊า แต่ก็ไม่หาย ถ้าไปเจ็บตอนอยู่นู่นนี่ต้องตายแน่ ได้ยินว่าค่าทำฟันเมืองนอกแพงโหดมาก ตายๆ อีก2อาทิตย์ก็ต้องไปแล้ว ทำไงดี ถ้าไม่ผ่าวันนี้ก็ต้องอาทิตย์หน้า ไม่ได้ๆ อาทิตย์ต้องไปงานปีใหม่ งั้นก็ต้องวันนี้แล้วล่ะเพราะคุณหมอฟันคุดจะเข้ามาเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์

ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วที่รู้สึกเจ็บๆเหงือกด้านซ้ายล่าง เพราะฟันกรามในด้านบนมันยาวลงมากด แต่คิดว่าเดี๋ยวคงหายเหมือนทุกทีที่ผ่านมา ฟันซี่นี้มันงอกมาตั้งแต่บุนเรียนอยู่ปี3(ตอนนั้นเวลากินข้าวจะทำหน้าบูดๆเพราะมันเจ็บ จนเมิ๊บถามว่าเป็นอะไร) ตอนนั้นก็ไม่อยากถอน กลัวจะตายถอนฟัน ตอนไปทำฟันคุณหมอก็ถามตลอดว่าจะถอนเมื่อไหร่ หรือถ้าจะเอาไว้ หมอก็จะอุดให้ มันเริ่มๆจะผุแล้วนะเพราะอยู่ลึกทำความสะอาดยาก บุนก็บอกเค้าตลอดว่า ถอนค่ะ ถอนแน่นอน แต่ขอหนูทำใจก่อนนะคะ ตอนนี้ผ่านมา4-5ปีแล้วมั๊ง ยังทำใจไม่ได้อยู่เลย

ก็เห็นคนผ่าฟันคุดแต่ละคน โห บางคน2วันผ่านไปแล้วแก้มยังบวมเป็นมะนาวอยู่เลย ส่วนเพื่อนของเพื่อนก็เศษอาหารเข้าไปติด เป็นหนองอีก อีกคนรากฟันงอเป็นตะขอต้องผ่าออกมาแต่หมอตัดฟันแล้วคีบออกมาไม่หมด ก็อักเสบ ไหนจะเย็บแผล ตัดไหม โอย...

เอางี้โทรไปร้านหมอก่อน

ด้วยเสียงหวานๆของพนักงานรับสาย ทำให้เราได้นัดหมอไปซะแร๊วตอนเที่ยง กรี๊ด...ทำอารายลงป๊ายยย ผ่าฟันนะเฟ้ย เป็นการตัดสินใจปุปปับไม่แคร์เวลา4ปีที่ขอไว้ทำใจเลย เอาๆๆๆ ตายเป็นตาย อย่างมากก็แบกหน้าปูดๆ กะโผลกกะเผลกไปรับวีซ่าวันจันทร์(อาจต้องมีสัมภาษณ์ด้วยเพราะครั้งที่แล้วขอไว้แต่ไม่ได้ไป) หมดสวยแน่ชั้น...

ไปถึงคลินิคตอนเที่ยงพอดี คุณหมอสาวหน้ากลมนั่งอยู่ตรงโซฟาข้างนอก (แปลกจังที่เรานึกภาพคุณหมอฟันคุดเป็นภาพหมอผู้ชายตลอด) ไม่เคยเจอคนนี้มาก่อน คุณหมอคนนี้อายุเท่าๆกะบุนเลย นั่งอ่านแพรวอยู่ อ่านข่าวดาราด้วย ดูไม่น่าเชื่อถือเลย หน้าเด๊กเด็ก เป็นหมอต้องอ่านพวก Encyclopedia สิ หนังสือตำราอะไรพวกนั้น (คิดไปเองทั้งน๊าน) หลังจากที่เล่าอาการให้ฟัง หมอก็เอากระจกมาส่องๆ ดูอาการซักพัก คุณหมอก็บอกว่ามันไม่ได้คุดค่ะ ถอนธรรมดา ไม่ต้องผ่า...มันไม่ได้คุด…ไม่ได้คุด...ไม่ได้คุด...ไม่ได้คุด...ไม่ได้คุด...คุดๆๆๆๆๆ

ตั้งแต่เกิดมา25ปี ไม่มีครั้งไหนเลยที่คำว่า “ถอนฟัน” ฟังดูดีเท่าครั้งนี้

ถอนฟันคุด 800-2,500บาท แล้วแต่อาการความยากง่าย ส่วนของบุน 300บาทจ๊ะ ถอนฟันธรรมดา

เอ่อ...คนเรานี่มันเป็นประเภทคิดไปเองจริงๆนะ ฟันในสุดงอกออกมาก็ดันไปเรียกมันว่าคุด(ฟันคุดน่าจะหมายถึงมันล้ม หรือรากมันงอหงิกไปเกี่ยวกะส่วนอื่น) แล้วก็ดันคิดไปว่าคุณหมอไม่ควรอ่านนิตยสารดารา...ซะงั้น

ขั้นแรกตามธรรมเนียม ฉีดยาชาก่อน คุณหมอมือเบามาก ขอโบก แทบไม่รู้สึกว่ามียาวิ่งๆๆอยู่ในเหงือกเลยนะ ฉีดด้านนอกก่อน แล้วค่อยย้ายมาฉีดด้านใน หมอบอกว่า เจ็บกว่าตะกี๊นะคะ แต่ก็ไม่เจ็บนะ ถ้าบุนบอกว่าไม่เจ็บนี่สำหรับคนอื่นจะเป็นไม่รู้สึกอะไรเลยนะ เพราะบุนขี้ปอดอ่ะ เอะอะนิดนึงก็เจ็บแล้ว

คุณหมอยังบอกอีกว่า”อีก2ซี่ที่เหลือ(ขวาบน-ล่าง)ไม่ต้องถอนก็ได้นะคะ เพราะฟันสบกันปกติ แต่ต้องแปรงฟันดีๆหน่อยนะคะ เพราะอยู่ลึก แต่ตรงเหงือก(ซ้ายล่าง) ที่เจ็บอยู่นี่ต้องดูว่ามีฟันซ่อนอยู่ไม๊ ถ้ามีก็อาจต้องมาผ่าออกทีหลัง แต่ถ้าไม่มีก็จบแค่นี้ด้วยการถอนแค่ซี่เดียว(ซ้ายบน)ได้เลย” ระหว่างรอให้ยาชาออกฤทธิ์ คุณหมอก็พาไป x-ray ผลก็ออกมาว่าด้านล่างซ้ายไม่มีฟันใดๆซ่อนอยู่จ๊ะ ดีจังๆๆๆๆ

ระหว่างนี้ก็ตรวจฟันไปเรื่อย ดูว่ามีที่ต้องทำอีกไม๊ เลยตัดสินใจอุดฟันไป1ซี่ ข้างบนด้านซ้าย เพราะไหนๆมันก็ชาแล้ว เอาซะหน่อย ชอบมากเลยกรอฟันแบบไม่เสียวเนี่ย เย็นสบาย ชื่นใจๆ

มาถึงขั้นตอนถอนเนี่ย พยายามหลับตาแล้วนะ แต่ดันไปเห็นอุปกรณ์เข้าจนได้ แอบเสียว เข้าใจว่ามี2ขั้นตอน

1.แท่งเหล็กดันฟันให้เอียงหลุดจากฐาน ต้องใช้แรงดันอย่างมาก ไม่รู้ว่ามีแรงส่งจากอุปกรณ์ด้วยรึเปล่า ก็แหม ฟันคนนะ แน่นจะตาย เราก็เสียวว่าฟันจะหักเปาะไง เลยส่งเสียงอู้อี้ๆออกไป ตอนดันน่ะ หมอต้องนึกว่าเราเจ็บแน่เลย แต่มันไม่เจ็บหรอก (แต่เจ็บมุมปากนะ หมอเค้าฉีกปากลงมาอ่ะ นี่ขนาดเราปากกว้างนะ) แล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรอุ่นๆไหลลงที่เหงือก กึ๋ยๆ “ไม่เจ็บใช่ไม๊คะ” คุณหมอถามย้ำบ่อยมากจากที่เห็นท่าเราเอามือจิกพนักเก้าอี้ “ไม่เจ็บเลย แต่ใจเสาะอ่ะค่ะ” ทั้งหมอทั้งผู้ช่วยขำกันใหญ่ แต่มันกลัวจังหวะหักเป๊าะอ่ะค่ะ อันนี้ไม่กล้าบอกแกอ่ะ แกเลยเรียกผู้ช่วยมาจับหัวไว้ไม่ให้หนี แล้วก็เอายาชามาฉีดเพิ่ม สงสัยไม่เชื่อว่าไม่เจ็บ

2.คีม กึ๋ยๆ…"หลุดแล้วนะคะ เดี๋ยวหมอเอาคีมดึงออก" โอว ดั่งเสียงสวรรค์ หลุดแล้ว ไม่มีจังหวะการหักเป๊าะด้วย(อันนี่ก็คิดเอาเองอีกละว่ามันต้องหักเป๊าะ) ไม่เจ็บเลยด้วย แอ๊กท่าซะเวอร์ไปแล้วเขินจัง พอมาคิดๆดู การที่กระดูกจะหลุดจากเหงือกมันก็ไม่น่าจะหักเป๊าะได้หรอก โง่จริง

ทั้ง2ขั้นตอนกินเวลาประมาณ2นาที นี่ถ้าไม่รวมเวลาคุยกัน หรือเอายามาฉีดเพิ่มนะ คงใช่เวลาไม่ถึงนาทีแหงๆ เร็วมากกว่าที่คิดไว้จมเลย เฮ้อ ดีเหมือนกัน จากนั้นคุณหมอก็เอาผ้าก๊อซมาให้กัดไว้ “ออกยากนิดนึงนะคะ เพราะฟันมี3ราก...อย่าเพิ่งพูดมากๆนะคะ กัดเอาไว้ เดี๋ยวหมอให้ไว้เปลี่ยนด้วย จะเอาฟันกลับไปด้วยไม๊คะ” หันไปมองที่ถาดเครื่องมือ คุณหมอพูดพลางเอาคีมพลิกฟันไปมาให้ดู ฟันกรามชั้น มีรากยาว3ราก ซุกตัวในผ้าก๊อซชุ่มเลือดที่กระเพื่อมไปมาตามจังหวะการหนีบของคุณหมอ ไม่เอาล่ะค่ะหมอ ขอดูอย่างเดียวก็พอค่ะ

แค่นั้นแหละ ลุกออกมาได้ละ มาที่ห้องจ่ายยา จ่ายตั้งที่อยู่ข้างๆ ยืนจ่ายตังค์ โอย..หน้ามืดอ่ะ จะเป็นลม ต้องรอใบประกันสังคมอีกแป๊บนึง โอ๊ย...ขอนั่งดีกว่า ต้องเป็นเพราะดูฟันแช่เลือดแน่เลย ไม่น่าเลย จะเป็นลม ไม่น่าหันไปดูเลย ยิ่งแพ้เลือดอยู่ นี่แค่รู้สึกว่ามีแผลรูเบ่อเริ่มในปากแถมมีเลือดไหลโจ๊กๆอยู่ก็จะแย่อยู่แล้ว ครั้งหน้านั่งตุ๊กๆออกมาดีกว่า จะได้ไม่ต้องขับรถ หน้ามืดอ่ะ จะเป็นลม...

อันนี้จะบอกไว้นะคะ หม่าม๊าของเพื่อนไปผ่าฟันคุดที่เดียว2ซี่ ออกมาหน้ามืดเลยล่ะ ต้องให้คนไปรับ เพราะเสียเลือดมากไง ผ่าฟันนี่มันก็ผ่าตัดขนาดเล็กเลยนะ ถ้าไม่ค่อยแข็งแรงก็หาเพื่อนไปด้วยนะคะ(บุนแข็งแรงแต่ขี้ปอด แฮะๆ) ตอนออกจากบ้านก็คิดว่าไม่เป็นไรมากมั๊ง ผ่าซี่เดียว แล้วก็จะแวะไปเอารูปที่บ้านเพื่อนด้วย ก็เลยบอกแม่ว่าไม่ต้องไปเป็นเพื่อนหรอก แล้วนี่ขนาดว่าไม่ได้ผ่านะ แค่ถอนเฉยๆ...

แต่จะแอบบอกนะว่า กรณีของบุนน่ะ จริงๆมันไม่น่าจะวืดเลยนะ แค่ถอนฟันไม่ถึง2นาทีเอง ไม่ได้ผ่าซะหน่อย คนทั่วไปคงไม่เป็นกันหรอก บุนเลยคิดว่า ไอ้ที่วืดๆน่ะ น่าจะเป็นอาการใจเสาะแพ้เลือด แพ้แผลมากกว่า แล้วก็นอนอยู่นานด้วย ลุกขึ้นมาปุปปับ ก็น่าจะหน้ามืดเป็นธรรมดา คิดๆดูก็น่าจะเอาฟันกลับมาด้วยนะ พอตั้งสติได้ก็เริ่มหายกลัว ดูๆไปมันก็เป็นฟันกรามที่น่ารักนะ มีราก3อันสวยเชียว คล้ายๆที่เห็นในโฆษณายาสีฟันน่ะ แต่อันนี้มี3รากสีครีมอ่อนๆ ผิวเรียบเนีน เป็นรากฟันที่สวยที่สุดที่เคยเห็นมา (แน่ละสิเกิดมาก็เห็นอันนี้แหละอันแรก) แต่ส่วนบนที่โผล่พ้นเหงือกด้านในแอบมีเส้นสีดำเล็กน้อยแสดงถึงส่วนที่ทำความสะอาดยาก

กลับมาบ้านแม่ก็ทักว่าเร็วจัง เราก็อื้อโชคดีอ่ะแม่ ไม่ต้องผ่าถอนเฉยๆ หมอไม่ให้พูดมากล่ะแม่ ไปล่ะ ขึ้นมาเล่นเน็ต แช็ตไปเรื่อง ดีจัง ไม่ต้องพูดมาก แช็ตนี่มันดีอย่างนี้นี่เอง เอาไว้คุยหลังถอนฟัน แต่ทำไมเลือดไม่หยุดล่ะ หลายชั่วโมงแล้วนะ กัดผ้าไว้ แล้วก็เปลี่ยนไปเรื่อย เลือดเต็มผ้าก๊อซ หนืดๆ แหวะๆๆๆ เลือดอ่ะ หมดห้ามบ้วนเค้าว่าเดี๋ยวมันไหลไม่หยุด ต้องกลืนลงไป ไม่อร่อยด้วย อี๊ นอนตื่นมาก็ยังไม่หยุดไหล ช่วงนี้เป็นช่วงที่แย่สุดๆ ไปเอาผ้าออก แล้วบ้วนปาก เพราะหิวแล้ว จะกินข้าว แม่ทำข้าวต้มไว้ให้ กลิ่นเลือดเต็มปาก เริ่มทรงตัวไม่อยู่ เกลียดกลิ่นเลือด เวียนหัวอยากจะอ๊วก แต่ไม่กล้าบ่นอะ เดี๋ยวแม่เป็นห่วง

ไปตักข้าวต้ม พร้อมกับนึกถึงคำพูดเพื่อนว่าเคยไปผ่าฟันแล้วทำเมล็ดข้าวตกไปในรูจนแผลอักเสบ โอย...หิวอ่ะ ไม่สนแล้ว...ข้าวต้มร้อนๆ กินไป1คำ โห...ไม่น่าเชื่อเลยออเดรย์ นี่เป็นข้าวต้มที่อร่อยสุดในชีวิต คือมันล้างกลิ่นคาวเลือดในคอได้ดีมาก อาการเวียนหัวจะอ๊วกก็หายไปด้วย กินไป2ชามข้าวต้มมหัศจรรย์ โห อาการดีขึ้นสุดๆ แต่ก็พยายามกินทางขวานะ ไม่อยากให้ไปโดนแผลอ่ะ ไม่รู้แปรงฟันได้เปล่า แต่ก็แปรงไปแล้วล่ะ สดชื่นดี อ๊าห์

ขณะนี้4ทุ่มแล้ว ผ่านมาเกือบ10ชั่วโมงแล้ว เลือดยังไหลอยู่เลย เหม็นๆๆๆเริ่มแหวะอีกแล้วค่ะ ลงไปทานข้าวต้มดีก่า ล้างคอซะหน่อย

วันนี้เขียนยาวมาก...
คือแค่อยากจะเอาไว้บอก เอาไว้เตือนกับตัวเองว่า
ไม่ต้องกลัวหมอฟันนะ
ครั้งต่อไปถ้ามีปัญหาอะไรก็ไปเหอะ ไม่เจ็บเลยจริงๆ
คนที่เข้ามาอ่านคงรู้สึกเหมือนกัน(รึเปล่า ^__^)
หวังว่าบุนคงไม่ทำให้มันดูน่ากลัวขึ้นไปอีก

แต่มันไม่เจ็บจริงๆนะจ๊ะ รับรอง อิ อิ




Wednesday, November 16, 2005

ไม่เลวนักหรอกน่า...

อย่างน้อยก็ได้มีเวลาพาแม่ไปทานข้าว...ดูหนัง

อย่างน้อยก็มีเวลาไปเลือกแว่นตากันแดดสวยๆ

อย่างน้อยก็ได้ซื้อหมวกไหมพรมงามๆ

อย่างน้อยก็ได้เจอคนที่อยากเจออีกนิดหน่อย...

อย่างน้อยก็ได้ไปเจอพี่โน๊ตที่นู่น

แล้วก็มีเพื่อนเล่นในช่วงคริสมาสอีกตะหาก...ดีจาตาย

*
*
*


แต่...

แย่อยู่อย่างเดียวตรงที่
ไนแองการ่ามันจะแข็งตรงขอบๆ
เหลือแค่ธารน้ำตรงกลางเหมือนแม่น้ำสายย่อมๆเท่านั้นเอง
(จริงๆแล้วไม่รู้หรอก แม่จอยบอกมาน่ะ)

Saturday, October 29, 2005

วันเหงา ... เหงา

...It's been 10hours since your last call and i still waiting...


วันนี้เป็นวันที่บุนรู้สึกเศร้ามาก
เป็นปีแล้วมั๊งที่ไม่เคยเศร้าแบบนี้ ก็แค่ปัญหาวัยรุ่นน่ะ...

ก็แค่ไม่ได้เจอคนที่อยากเจอมา2วันแล้ว แล้วก็มีแนวโน้มว่าจะไม่ได้เจอกันในสุดสัปดาห์นี้ด้วย

ก็แค่ตั้งความหวังไว้สูงไปหน่อย ว่าเราน่าจะได้ใช้เวลาร่วมกันในวันที่เวลาของบุนเหลือน้อย

ก็แค่เค้าไม่ค่อยว่าง ก็แค่นั๊น..

เศร้าเลยเรา...

ถ้าวันนึงเธอได้อ่านข้อความนี้นะ ไม่ว่าตอนนั้นเราจะเป็นยังไงกันแต่จะขอบอกว่า
"ตอนนี้คิดถึง และอยากเจอมากๆเลยล่ะ"
.........................................................................

My blue day...

It's my terrible day. I'm so sad.
It's been for a year I've never felt like this...but it's just a stupid problem.

I just wanna see someone that i haven't seen him for 2days and I guess we couldn't meet each other in this weekend...

I just expected(maybe too much) that we could have spent this weekend together because I have not too much time and I wanna spend the rest with him.

but he just so busy...just busy.....

so sad...

Someday, you might read this paragraph, I have no idea what we are in that time, but now what i wanna tell you is ...
" I miss you so much & you are the first one who i ask for"

Sunday, October 23, 2005

โอ้ละหนอใจคน


ได้กำหนดวันเดินทางที่ค่อนข้างแน่นอนมาแล้ว

ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างนั่นก้อเพราะตั๋วมันยังไม่ออก คิดว่าคงต้องคุยกะคุณเจฟอีกที เพราะวันที่คุนบัคอยากให้ไปเนี่ยมันคนละวันกับที่คุณเจฟต้องเดินทางกลับในรอบการเดินทางมาเที่ยวนี้ คือช้ากว่า1อาทิตย์

จริงๆมันน่าจะไปวันเดียวกันนะ เราก้อจะสะดวกขึ้นในแง่ที่ว่าไม่ต้องดูอะไรมาก ตามๆแกไป เดี๋ยวก็ถึง แต่ในแง่ประสบการณ์ การเดินทางคนเดียวก็คงจะมันดีพิลึก แล้วเราก็จะได้มีเวลาเตรียมตัวเพิ่มอีก1อาทิตย์

ถึงจะทยอยเตรียมตัวมาพักนึง ซึ่งอะไรๆก็น่าจะเข้าที่แล้ว แต่การ finalize เนี่ยยากที่สุดอะ สับสนนิดๆแฮะ มึนๆ งงๆ ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้ด้วย

อาจจะเป็นเพราะช่วงพีคที่อยากไปสุดๆได้ผ่านไปแล้วด้วยอย่างนึง และอีกอย่างคือ เหมือนเราได้ผูกพันกับอะไรบางอย่างที่นี่ แต่ก็เป็นแค่ความรู้สึกแค่นั้นแหละ

ยังไงๆก็อยากไปมาก และต้องไป และคริสมาสสีขาวกับอุณหภูมิลบ40ก็ยังรอเราอยู่ที่นั่น เวลาที่ล่วงเลยช้ากว่ากำหนดการแรกถึง2เดือนก็ให้อะไรเราอีกตั้งเยอะ ไม่ว่าจะเป็นความคิดมุมมองที่กล้าแข็งขึ้น ความพร้อมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาษา ทัศนคติ ความมั่นใจ(อันนี้จริงๆไม่ต้องพูดถึงก็ได้)

ตอนนี้เตรียมพอร์ทอยู่ ไปถึงก็เอาให้เค้าดูว่าเราทำแบบนี้ๆๆๆๆได้นะ จะได้จูนกันติดง่ายขึ้น เผื่อได้งานfreelanceทำยามว่าง และด้วยvisaแบบworkerน่าจะช่วยได้บ้างล่ะน่า ถ้าไม่ติดเที่ยวเล่นซะจนเวลาหมดอะนะ

แต่พูดก็พูดเถ๊อะ อะไรมันจะสำคัญไปมากกว่าการเที่ยวเล่นล่ะ...

Saturday, September 17, 2005

How to make it easy.

I love my job so much, it's very fun and easy but need much of personal sensable.

I 'll show you how to make it easy.
When i'm assigned any jobs, it's mostly in graphic & rendering.

Ang Mo Kio, Singapore

First of all, Understand it.
I have to know about what the drawing wants to say to the people. This is the most important because drawing's mission is media. It has to convey the right information to people. For example, rendering of AMK Elevation, Its mission is to show overall appearance of color and materials. When I already known, I can proceed to the next step.

Second, Graphic/Rendering/Compositioning.
I define each materials by layers, some materials was separated for few layers or more if it need to be shown in differenc depth. For glass span, I render what should arise behind the glass and create new transperance blue-glass layer on top. Then, you can see the effect of glass to the inside function. And don't forget the happiness environment, trees, cars, people enjoy shopping, kids, shade, shadow etc,.

Third, Prepare for revision.
My boss, khun Bak, he always gives me pretty good comments, so I can't away from the revision. For the complicated layered drawing, I suggest to clear the unusable layer, delete them or merge together. It can help alot when making revision.

Graphic/Rendering/Compositioning


FINISH YO!YO! (^_^)
easy, right...

Monday, September 12, 2005

My Thesis

Yo! Yo! Yo!

I start writing in English again. I promist to myself "Don't worry too much about what you gonna say or grammar checking, you just write everythings you want".

Many people want to help me and someone promise me to correct my writing, Thanks.

For today, I'd like to show you my proudness.















Bangkok Patana International School 2
Location: 900m. across of Bangkok Patana International School

Today, I try to arrange files in my messy computer, so i find this picture by change. This picture remind me to my hard time 4 years ago.

The fifth-year students have to finish their theses in the last term. It's a very hard job(for someone like me).It's not only to produce of good drawings and models, but also to manage your time.

i couldn't do both.......

I got a big problem because my jobs have never finished as I planed. I love them--my drawing. I was such waste almost all of time for drawings production. I was careless, so I had to call some friends
to help me.






















Saturday, September 10, 2005

You should proud of me

วันนี้จะไปงานแต่งของลูกสาวของเพื่อนบ้านแถวๆบ้านเก่า รู้จักกันมาแต่เด็กแล้ว

ช่วงนี้มีงานแต่งงานเยอะจริงๆเดือนที่แล้วเพิ่งไปงานแต่งป๊อป แต่งานนี้คงต้องนั่งแท๊กซี่ไปกับแม่เพราะรถเสียตั้งแต่วันพฤหัส

โห...นี่ไม่อยากจะอวด ถ้าบอกได้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับบุนบ้างในวันนั้น และบุนได้แก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้ด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร บอกได้คำเดียวว่า คุณจะต้องภูมิใจในตัวบุนมากแน่ๆ

แต่ไหนๆบุนก็ผ่านมันมาแล้ว ได้ประสบการณ์ที่ดีกับรถลาก(ที่ในชีวิตไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องโทรไปขอใช้บริการ) และด้วยความคิดนั้น บุนก็พยายามทำทุกอย่างแล้วเพื่อที่จะกระดึ๊บรถที่เริ่มรู้ว่าน่าจะมีปัญหาแต่เช้าแล้วไปให้ถึงอู่ หรือถึงบ้าน แต่ไม่สำเร็จ หลังจากที่ใจหายใจคว่ำมาตลอดบนทางด่วน จนถึงหน้าปากซอย เครื่องดับครั้งที่1 จากนั้นก้อมาดับที่หน้าหมู่บ้านที่ห่างจากปากซอยประมาณ900เมตร


(จริงๆมันเริ่มเพี๊ยนๆแต่เช้าแล้วล่ะ ไปดับที่ข้างเซนทรัลตั้ง2ครั้ง แล้วพอข้ามแยก มันก็ดับเอากลางแยกซะงั้น ดีที่ไหลๆต่อไปได้จนพ้นแยก ตื่นเต้นชะมัด พยายามอีกพักใหญ่กว่าจะไปถึงออฟฟิสได้ แต่ก็ดับต่ออีก2ครั้ง)

นึกว่าจะยอมไปให้ถึงบ้านก่อน แล้วพรุ่งนี้ก็จะเอาเข้าอู่ แต่ก็ไม่ไหวแฮะ


อะฮ่า แต่ก็ยังดีว่ะ อย่างน้อยก็ไม่ดับที่ถนนใหญ่ พยายามอยู่เป็นนานกว่ารถจะสตาร์ทติด แต่สุดท้ายก็กระดึ๊บไปได้แค่มหาสิน เดี๊ยงอยู่ตรงนั้น โทรหาอู่ที่เคยไปซ่อม เค้าก็ดี๊ดี ช่วยให้ลูกน้องมาดูให้ แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าเป็นที่อะไร คงต้องเอาไปเช็คให้ละเอียดอีกที ช่างเลยช่วยตั้งเครื่องให้รอบสูงขึ้นเพื่อให้รถวิ่งออกมาได้ แต่ก็ได้แค่ท้ายๆซอยแหละ เครื่องก็ดับไปอีก และด้วยการดับกระทันหันนั้น มอไซค์ที่ตามมาข้างหลังเลยชบป๊าปเข้าให้ หง่ะ กันชนเป็นรอยเลย กันชนท้ายสุดรักของบุน ส่วนของรถคันนี้ที่บุนรักสุดๆก็บั้นท้ายเธอนี่แหละ

เอาวะ ยังไงก็ดีที่เป็นแค่มอไซค์ แล้วก้อแค่กันชน ไม่โดนตัวถัง น้องคนที่ขัยเค้าก็เจ็บเหมือนกันเพราะหน้าอกเค้าก็ไปกระแทกกะแฮนด์มอไซค์ นี่ถ้าเป็นสองแถวตามหลังมาคงแย่แน่ เซ็งสุดขีดกว่านี้แล้วแหละ

คิดว่าคงดื้อดึงต่อไปไม่ไหวแล้ว เลยต้องตัดสินใจเรียกรถยกตอนนั้นแหละ ...

"เรียกรถยกไม่ยากอย่างที่คิดนะเคอะ หากทั่นมีปัญหา โทรมาปรึกษาดิฉันได้ตลอด24ชั่วโมง"

ขอเตือนว่า อย่าลังเลที่จะเรียก ไม่งั้นก็อาจซวย2ชั้นแบบบุน คือถ้าตัดสินใจเรียกแต่แรก คงไม่เจอมอไซค์ชนตูด แต่อย่าไปใช้บริการพวกCar World Clubล่ะ คิดแพงมักๆ 1,800บาท/15กิโลเมตรแรก แนะนำให้โทรไปที่โรงพัก เค้ามักจะมีเบอร์โทรติดต่อให้

อย่างของบุน พี่ช่างแนะนำให้โทรไปที่สน.พระโขนง เค้าก็จะโอนให้บริษัทรถยก ซึ่งเจ้าของก็เป็นตำรวจที่คนนึงซึ่งเปิดบริษัทรถยกควบคู่ไปกับการเป็นตำรวจ บุนรู้สึกเหมือนเป็นการผูกขาดยังไงก็ไม่รู้ ไม่เชิงว่าผูกขาด แต่เหมือนเข้าทางยังไงก็ไมรู้มากกว่า แต่อย่างน้อยบุนก็มีทางเลือกที่ถูกลงเย๊อะ 700บาท/15กิโลเมตรแรก แม๊...น่าให้ลากมาจากที่ออฟฟิสจริงจรี๊งงงงง จะได้ไม่ต้องไปใจหายใจคว่ำบนทางด่วนอยู่ซะงั้น

เอาเถอะ ตอนนี้รถลากก็มาถึงแล้ว หวังว่าทุกอย่างคงโอเชแล้วนะ


เอ๊ะ!! เคยเห็นรถยกใช่ไม๊คะ ???

คิดว่าคงนึกออกนะ เป็นรถที่มีก้านๆอยู่ข้างหลังรูปตัวTเอาใว้สอดใต้ล้อทั้ง2ข้างเพื่อยกขึ้น คนขับอัธยาศัยดีมาก น่าจะอายุพอๆกับบุนหรือน้อยกว่านิดนึง เค้าจอดรถไว้ข้างหน้ารถบุน แล้วปล่อยก้านรูปตัวTลงบนพื้นช้าๆ(คือบุนไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีอะไอ้ก้านที่ว่านั่น) แล้วก็ออกมาจัดนู่นประกอบนี่นิดหน่อยแล้วก็ขึ้นไปถอยรถเข้ามาใกล้รถบุนเพื่อให้ก้านตัวTที่ว่าเข้าไปใต้รถ แล้วก็เอาแท่งเหล็กรูปตัว L มาประกอบเพื่อเป็นฐานไว้ยก แล้วก็เดินกลับเข้าไปในรถเพื่อกดสวิตช์ยกหน้ารถขึ้น แลวก็ต้องกลับมาเอาเชือก(มั๊ง)เส้นใหญ่ๆ มาพัน เรียบร้อย รวดเร็วมาก ง่ายมาก(ทำมายไม่เรียกมาตั้งแต่แรกฟร๊ะ)ไปได้แล้ว

บอกขอบคุณพี่ช่างก่อน

พอขึ้นไปนั่งบนรถข้างคนขับแล้วรู้สึกสบายขึ้นมาก แอร์เย็น แต่ก็อดห่วงรถที่ห้อยอยู่ข้างหลังไม่ได้ เลยต้องหันมาดูบ่อยๆ ถามคนขับว่าซอยแคบทำไงคะเนี่ย เลี้ยวได้เปล่า เค้าบอกว่า ไม่ต้องห่วงครับ เพราะมันจะตามรถเรามาเหมือนกันทุกอย่าง เออ...สังเกตุดูก็จริงแฮะ

เพียง5นาทีเท่านั้นท่านผู้ชม เราก็ได้มาถึงอู่เรียบร้อยโดยสวัสดิภาพ เรียกแท๊กซี่กลีบบ้านซะที เฮ้อ...เหนื่อย

อย่าถามนะว่าทำไมไม่โทรบอกที่บ้านให้มาช่วย ถามมามีโกรธ


3ทุ่มครึ่งค่ะ เหนื่อยสุดๆค่ะวันนี้ บอกไม่ถูกเลย
แต่อย่างน้อย
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้าย ก็มันก็ได้ให้ประสบการณ์ที่มีค่าเพิ่มขึ้นมาอีกตั้ง1อย่างเชียวนะ


Thursday, August 18, 2005

เครปมะม่วง กับ ค็อกเทลแพชชั่นฟรุต

เมื่อวานนี้พี่ปุ้ม(อาจารย์สอนภาษาฝาหรั่งของบุนเอง) บอกว่าจะเลี้ยง Japanese BBQ.
ทั่นๆที่เคยไป ที่ตึก CRC: All Seasons Place อาจนึกออก คือร้านที่ทำเหมือนมีหินดำๆแปะๆอยู่หน้าร้าน

ไม่ใช่Zenนะ อันนี้อยู่ปีกซ้ายของตึก ชั้น3 ข้างบน ร้านสเต๊กGarage

แต่ปรากฎว่า มันปิดจ๊ะ ปิดปรับปรุงชั่วคราว

พี่ปุ้มเซ็งเลย(คิดว่าเธอคงกำลังหิวด้วยล่ะ)

ก็เลยไปกินที่ร้านเดิมที่เคยไปกิน ที่ซอยร่วมฤดี
Curries & More
Mango Crapของที่นี่อร่อยสุดๆไปเลย 1เดือนที่ผ่านมากินไป3ชามแล้ว ไปที่ไรต้องกินทุกที แล้วก็ค้อกเทลมะม่วง สูตรพิเศษ อร่อย หวานๆ หอมมะม่วง

เสร็จประมาณสามทุ่มครึ่ง ยังค่ะ ยังไม่กลับบ้าน พี่ปุ้มทำค้อกเทลเลี้ยงอีก กินไปอีกเกือบ2แก้ว เป็นค้อกเทลที่อร่อยที่สุดที่เคยกินเลยนะ สไปร์ท น้ำเสารส(Passion Fruit) แล้วก็เหล้า แต่จำไม่ได้ว่าเหล้าอะไร พอมารวมกันแล้วจะอร่อยมาก หวานๆ หอมเสาวรส พูดแล้วอยาก แผลบ...

ได้ของฝากจากเขาใหญ่ด้วยเป็นน้ำองุ่น ยี่ห้อเดียวกับน้ำเสาวรสที่เล่าให้ฟังน่ะแหละ แล้วอีกอย่างคือไฟแช๊กรูปบุหรี่ อันเท่าจริงเลยนะ ใส่ไว้ในกล่องดูแทบไม่ออก

ดูรูป เม้าท์แตก

กลับบ้านเที่ยงคืนอ่ะค่ะ
เหมือนจะไม่ดึก แต่ว่านาฬิกาส่วนตัวของบุนจะเร็วกว่าคนอื่นเกือบๆ2ชั่วโมง เพราะตื่นก่อนชาวบ้าน2ชั่วโมง ถึงที่ทำงานตอน7โมง(แต่ยังไม่เริ่มงานนะ นั่งเล่น อ่านหนังสือพิมพ์ไปตามเรื่อง) จริงๆอยากเลิกงาน5โมงครึ่งด้วย แต่ยังทำไม่ได้ กำลังพยายามอยู่

ดังนั้น เมื่อบุนถึงบ้านตอนเที่ยงคืน นั่นหมายถึง มันกลายเป็นตี2ของบุนแล้วค่ะ เลยง่วงสุดๆ

เช้ามาปวดท้องนิดหน่อย วันนี้เลยลางานค่ะ ฮี่ๆๆๆๆ

Wednesday, August 17, 2005

Asus Center

ไปศูนย์บริการAsusมา
A S U S พนักงานจะเรียกตัวเองว่าอัสซุส
แต่พอขั้นไปถึงชั้น15 ถามหาเอากะคนแถวนั้น เค้าทำหน้างงกันหมด ก็เลยต้องบอกว่า เอ-ซัด น่ะค่ะ อยู่ตรงไหนคะ
จริงๆแล้วบุ่นบุ๊นก็มิได้อยากจะกระแดะแต่อย่างใด สองจิตสองใจเหมือนกันว่าจะถามชื่อไหนดีหว่า ใจจริงแล้วชอบคำว่าเอซัสสสส...มากกว่าอัสซุส ไม่รู้เป็นไง อันหลังมันดูโบรานๆพิกล

เอาละ ยังไงๆเราก็มายืนที่หน้าเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์แล้ว...

***
เมื่อสอง-สามวันที่ผ่านมา หลังจากตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อรุ่นไหน ไม่รอช้า ออกไปกดมา1ตัว จากIT City สาขาฟอร์จูน
จริงๆแล้วเนี่ย จิตใจก็เอนเอียงมาทางยี้ห้อนี้อยู่แล้วล่ะ เพราะศูนย์บริการอยู่ใกล้ออฟฟิสมาก เดินไป5นาทีเอง อีกข้อคือราคาไม่แพง ค่อนข้างสมฐานะ ช่วงนี้มีโปรโมชั่นแถมแรมให้อีก256ด้วย เริด...

ตอนซื้อนี่ซื้อเครื่องเปล่าเลยนะ โชว์แมนมาก

“ขอเครื่องเปล่าเรยนะคะ เอาแบบไม่มีไรเรยอะค่ะเพ่”
“เอ่อ...คับๆๆๆ แต่ที่นี่ก็มีแต่เครื่องเปล่าล่ะคับ ไม่มีOSให้”
“(แตร่ววว...)”


---
แต่ว่านะ ไม่เห็นมีใครบอกเลยนะว่า การแบ่ง partition ของ Hard disk น่ะ ทำได้ครั้งแรกครั้งเดียว(โดยไม่ต้องใช้โปรแรมช่วยใดๆ แค่แผ่นXPที่กำลังจะลงก็พอแล้ว) ถ้าลงWindowsไปแล้ว และต้องการจะแบ่งใหม่ จะเพิ่ม ลบ จะเพิ่ม ต้องใช้โปรแกรมช่วยแบ่ง(Partition Magic) ม่ายงั้นก็ต้อง ทำจาก DOS ทำBoot Disk (อันนี้มารู้ทีหลังจากการโทรไปที่ศูนย์) อะไรประมาณนี้แหละ จำไม่ค่อยได้ละ

“เอ่อ เหรอคะ แฮะๆๆ กลับไปตรงนั้นไม่ได้แร้วหรอคะ แล้วตอนนี้ CD น่ะค่ะ แทนที่จะเป็นDrive E มันกลายเป็น Dซะงั้น คือกลายเป็น
C = Local Drive
D = CD/DVD Rom
E = Local Drive

ซะงั้น
แฮะๆ งั้นช่วยแบ่งใหม่ให้หน่อยได้ไม๊คะ เรียงกลับให้ด้วยนะคะ”

---

นี่แหละ เหตุผลที่มายืนอยู่ที่นี่ ตอนนี้กับLaptopสุดLove
และด้วยเวลาไม่เกิน5นาที Partition ก็ถูกแบ่งเรียบร้อย เรียงลำดับอย่างงดงามจาก Local Drive> Local Drive > CD/DVD Rom ที่สำคัญคือ ไม่เสียตังค์ด้วย ดีๆๆๆ

แต่ก็ดีนะ วุ่นนิดนึง แต่เราก็ได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นอีกหน่อย ต่อไปจะได้ทำเป็น

เอากลับออฟฟิสมาลงWindowsได้ซะที
ตามด้วย Application ร้อยแปดที่ให้มา ที่ชอบมากมีอันนึงชื่อ Power Media Director เอาไว้ให้ตัดต่อหนัง เดี๋ยวก่อน... เดี๋ยวได้ฮาแน่
ศูนย์นี้บริการดีมากๆเลยนะ อันนี้พอจะรู้ตั้งแต่ตอนพี่โน๊ตเอาปุ่มมาเคลมแล้วล่ะ ตอนนั้ปุ่ม F11ของพี่โน๊ตเด้ง เค้าก็เปลี่ยนอันใหม่ให้ ไม่งอแงด้วย

แต่ว่านะถึงจะบริการดีแค่ไหน ถ้าไม่ต้องไปเลยน่าจะดีที่สุดจ๊ะ

Tuesday, August 16, 2005

Mother's Day

เนื่องในโอกาสวันแม่ค่ะ เขียนเอาเตือนตัวเอง เพราะชอบเผลอวีนแม่บ่อยๆ แฮะๆๆ (แต่ยังไงแม่ก็รักบุนมากที่สุด)
จาก Guru Magazine Vol.1 No.03

บางคนคงเคยผ่านๆตามามั่งแล้ว


Song for Mommy Dearest

*When you're 4years old, you think mama can do anything.


*When you're 8, you think mama knows everything.



*When you're 12, you bebin to have doubts about mama's capability and knowledge.



*When you're 14, you're pretty sure mama doesn't know anything and should learn to knock before coming into your bedroom.



*When you're 16, you're certain that mama is always clueless and hopelessly uncool - you don't event want to be seen with her.



*When you're 18, mama is just that old women who cooks your food and does your laundry.



*When you're 25, you begin to wonder if you were wrong about mama.



*When you're 35, you find yourself saying this phrase at least once a week: "Darn it, should have listened to mama."



*When you're 40, you find yourself saying this phrase on a daily basic: "Darn it. mama was right."



*When you're 65, the only thing you wish for is for mama to still ba around so you can talk to her.

Wednesday, August 10, 2005

บุนนอนดึกนะ เธอก็รู้นิ...

วันนี้ได้smsจากเพื่อนรักคนนึง(เพื่อนคนนี้รักมาก ถึงตอนนี้จะไม่ได้สนิทหรือเจอกันบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อน)เพื่อนบอกว่าว่างไม๊ ช่วยโทรกลับไปได้เปล่า เราก้อโทรไป เพื่อนบอกขอรบกวนwriteโปรแกรมcadให้หน่อย อื้อๆๆๆได้สิแค่นั้นเอง

คุยกันเสร็จ นึกขึ้นได้ก็เลยถามเพื่อนไป นี่ๆวันก่อนโทรไป ไม่เห็นโทรกลับมาเรย ไม่เห็นmiss callหรอ...

"เห็นแล้ว แต่ขี้เกียจโทร เห็นตอนดึกแล้วด้วย"

*

*

*

คุณคงไม่ทันคิดมั๊ง ที่พูดคำนี้ออกมา
คุณมักตำหนิบุนเสมอเรื่องที่บุนชอบพูดอะไรเหมือนคิดน้อย
แต่ทำไมวันนี้คุณพูดงี้ล่ะ

ปกติคุณจะถือเป็นอย่างมากเรื่องการพูดจาทำร้ายคน
แม้แต่บุน คุณยังตำหนิเสมอว่าชอบพูดไม่คิด(ซึ่งทุกครั้งเราก็เถียงไปว่า เราคิดแล้วแต่นี่เป็นสไตล์ของเรา เป็นวิถีของเรา)

*

*

*
ทุกวันนี้ก็คุยกันน้อยมากๆอยู่แล้ว แต่บุนไม่อยากให้เราขาดกันไป


ถ้าพิจารณาจากนำเสียงที่คุณพูด เหมือนคุณไม่ค่อยอยากให้บุนไปยุ่งกับชีวิตเท่าไหร่...

Sunday, August 07, 2005

เพื่อนเจ้าสาว

เมื่อวานนี้เป็นงานแต่งงานเพื่อนคนนึง รู้จักกันมาเป็น10ปีแล้ว เป็นสาวน้อย(อวบๆ) เมื่อเช้าก็ไปงานรดน้ำ ต้องเรียกว่าไปช่วยงานถึงจะถูก ได้ออกไปเชิญขันหมากด้วย สนุกดี เดี๋ยวเอารูปมาลงให้ดูนะ

...นึกถึงตอนไปงานแต่งงานก็อบ นึกถึงตูน เออ ตูนน่าจะมาด้วยแฮะ...

ช่วงค่ำจัดงานที่ปาร์คนายเลิศ(ฮิลตั้น) ไปเชิญแขกเข้างาน ดีใจเจอเพื่อนเก่าๆ เสียดายมากันไม่เยอะมาก ส่วนมากเป็นแขกผู้ใหญ่ แต่เราคุยกันแล้วว่า เดี๋ยวมีนัดเจอกันอีกแน่นอน(ในเดือนนี้แหละ ก่อนเราไปโตรอนโต)

ได้เห็นงานแล้วก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ เราเคยมีความรู้สึกแปลกๆกับงานแต่งงานมาก่อน แบบ เอ๊ ทำไมมันต้องมาทำยังงี้ๆๆๆๆกันด้วย

แต่เชื่อไม๊ว่า ความรู้สึกแปลกๆนั้นค่อยๆหายไปทุกครั้งที่เราได้ไปงานแต่งของใครสักคน

ตอนนี้ เราเริ่มชินกับมันมากขึ้น เราเข้าใจอะไรๆมากขึ้น แบบว่า

อ่อ...ไอ้ที่เค้าทำแบบนี้มันเพื่ออะไร จริงๆมันไม่มีอะไรเลยนะ ทุกสิ่งอย่างทำเพื่อความเป็นสิริมงคลทั้งสิ้น และก้เพื่อประกาศให้ชาวบ้านชาวช่องรู้แล้วว่า ลูกสาวชั้น ลูกชายชั้น แต่งงานแร้วนะยะ ทีนี้ถ้าเธอเห็นเขาทั้งสองไปไหนมาไหนกระหนุงกระหนิง ก็อย่าได้เอาไปเม้าท์เชียวล่ะ เพราะเค้าเป็นสามีภรรยากัน...

บางอย่างที่เราเคยเห็นว่ามันงี่เง่านะ เช่น การรดน้ำสังข์ เราเคยคิดว่า ทำไปทำไมนี่ แต่พอเราได้ไปยืนข้างหลังคู่บ่าวสาว เราเห็นความหวังดีของญาติๆที่มาร่วมงาน คำอวยพร มันเป็นสิ่งที่ดี เรารู้สึกได้


ส่วนพิธีตอนกลางคืนนะ ตอนส่งเข้าหอ เค้าจะให้คู่บ่าวสาวนอนบนเตียงที่โปรยดอกไม้ ทุกคนยืนอยู่เต็มเลย พ่อแม่ ญาติๆ เพื่อน ช่างภาพ แล้วป้าจิ๋มก็อวยพร "ขอให้มีความสุขนะลูก" "เอ้า หลับตา" "ฝันดีใช่ไม๊คะ" "มีความสุขนะลูก" ส่วนบ่าวสาวก็พูด ค่ะ ครับ นี่ถ้าเป็นคนอื่น เราคงมองขำๆเหมือนทุกทีที่ผ่านมา แต่นี่เป็นเพื่อนเรา มีป้าจิ๋มมาอวยพรต่างๆนาๆ และทุกคนในที่นั้นก็มีความสุขไปด้วย




******

อ่อ แร้วก็นะ พวกที่ชอบมาถามเมื่อไหร่คิวชั้นเนี่ย พวกแก ให้มันทีละขั้นตอนสิยะ ขั้นแรกยังไม่ถึงไหนเล๊ย...

ตอนนี้ก็ฝันๆไปก่อนอะ อยากจัด out door แบบว่าจริงๆแร้วอยาดจัดริมหาดจัง แต่คงยากไป งั้น out door ก็ได้ ฝันไปงั้นแหละ อนาคตอีกยาวไกล

Monday, July 25, 2005

รถบังคับวิทยุของน้องไบท์

บ้านพี่ย๊อกเป็นครอบครัวใหญ่ เรียกอีกอย่างว่าครอบครัวขยาย มีสมาชิกหลายคน

พี่ย้อกมีลูกชายอายุ3ขวบ1คน ชื่อน้องไบร์ท(Bright) แต่บุนขอเรียกไบท์ละกันง่ายดี

วันนึงหลานชายพี่ย๊อกอายุ6ขวบ หรือเรียกอีกอย่างได้ว่า ลูกพี่ลูกน้องของน้องไบท์ได้ซื้อรถบังคับวิทยุมา1คัน พอไบท์เห็นก็อยากได้บ้าง พี่ย๊อกก็เห็นว่าดีจะได้เอาไว้เล่นด้วยกันก็เลยไปซื้อมาอีก1คัน

ทีนี้พอเอามาเล่นด้วยกันปุ๊บ เอ๊ะ!มันแหม่งๆอะ พอคันนึงเลี้ยวขวา อีกคันก็เลี้ยวด้วย ถ้าตรงไปก็จะไปเหมือนกัน

ปรากฎว่ามันจูนคลื่นมาตรงกันแบบไม่ได้นัดหมาย แต่รถเป็นคนละแบบนะ คนลายี่ห้อด้วย ก็แปลกดี

ตอนนี้น้องไบท์ก็สนุกอยู่เลย กดใหญ่ ไม่รู้หรอกว่ามันบังคับสับไปสับมากะคนอื่น เพราะว่าพอเราปล่อยปุ่มปุ๊บ คลื่นของอีกตัวก็จะเข้าแทรก แต่ไอ้เจ้าคนพี่น่ะรู้แล้วเพราะโตกว่า 6ขวบ รู้เรื่องบ้างแล้วทีนี้เลยต้องเล่นแบบคู่ไปพลางๆก่อน

จากเจตนาที่จะเอาไว้เล่นด้วยกันเลยต้องมีอันพักไว้จนกว่าพี่ย๊อกจะหาวิธีแก้คลื่นได้

พี่ย๊อกสู้ๆ



Thursday, July 14, 2005

Why do you know ! ! !

ทำไมถึงรู้ล่ะคะ

ทำไมถึงรู้ความคิดบุนล่ะ แค่วาดรูปให้ดูแค่3รูปเอง???

บางอย่างเราเองยังไม่รู้เลย

บางอย่างมันอยู่ในตัวเรา แต่เราหาคำตอบไม่ได้ กลุ้มใจมานานแล้วเรื่องอนาคต ชีวิต การงาน
แต่แค่การวาดรูป และคำอธิบายจากมิสPoommiทำให้เรานึกออก แปลกจัง

มิสปุ้มเป็นอเมริกัน แต่physicalเป็นไทย ...อย่างง แบบคุนบัคไง คุนบัคเป็นแคนาเดียน แต่physicalเป็นไชนีส

เพื่อนคนนึงที่AUA เธอชื่อกุ้ง พี่กุ้งเล่าเรื่องมิสปู้มให้ฟัง เธอเองก็เรียนwritingอยู่

แต่สำหรับบุน เหตุการณ์คับขันก็เข้ามาประชิดตัว หมดเวลานั่งเอ้อระเหยเรียนไปวันๆแล้ว หางจุกตูด กังวลขึ้นมามากเหมือนกัน ไม่อยากไปทำมึนที่นู่น ไม่ชอบเวลาเถียงไม่ทัน เราถูกแต่เถียงไม่ทันนี่ แหม๊ ...

ต้องไปละ วันนี้จะไปเยี่ยมหน่อย หน่อยป่วย เพราะมันไม่ค่อยดูแลตัวเอง สมน้ำหน้า(อ้าว...)

Thursday, June 30, 2005

Busy week

อาทิตย์นี้นี่ยุ่งยุ๊งยุ่ง

เป็น7วันที่ผ่านไปเร็วมากกกกก รู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านไปได้แป๊บเดียวเอง หมดซะละ แก่ไปอีกสัปดาห์ งานที่ทำก็ไม่มีอะไรมากนะ ก็เหมือนๆที่ผ่านๆมา แต่กังวลกับWebsiteที่ทำอยู่นิดหน่อย (จริงๆแล้วก็มากเหมือนกัน) เพราะตั้งแต่ส่งให้คุณGeoffเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เค้าก็ยังไม่ได้มีcomment อะไรกลับมาเลย คงยุ่ง เราคงต้องเดินหน้าต่อด้วยตัวเองแล้ว

ช่วงนี้ยังตื่นเช้าเหมือนเดิม แล้วก็ชอบมาแต่เช้า เป็นมาพักนึงแล้ว ซัก 4-5เดือนได้แล้วมั๊งที่มาถึงที่ทำงานตั้งแต่7โมง บางวัน6โมงครึ่ง คือมันเหมือนร้อนๆรนๆยังไงก็ไม่รู้ ...จริงๆบุนชอบทำงานนะ แต่อาการนี้บางทีมันก่อความเครียดให้มากเหมือนกัน ดูโรคจิตพิกล
แต่ข้อเสียคือเพลียอะ เหนื่อยง่ายด้วย ช่วงสายๆ แล้วก็ช่วงบ่ายนี่ ง่วงแบบตาปิด บางวันไปแอบนอนใต้โต๊ะตูน วันหลังจะเอาถุงนอนไปด้วย จะได้อุ่นสบาย...แงบๆ

จริงๆคิดว่าถ้าพี่โน๊ตยังอยู่ คงไม่ง่วงเหงาหาวนอนขนาดนี้...อีกไม่นาน เดี๋ยวเจอกัน...

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไปเยี่ยมหน่อยที่ยันฮี ไปนอนเป็นเพื่อนหน่อยคืนนึง การที่เพื่อนของเราคนนึงต้องเข้าโรงบาลเพื่อผ่าตัดแผลยาวเฟื้อยเนี่ย มันทำให้ความรู้สึกของเราต่อการเข้าโรงบาลเปลี่ยนไปจากที่เคยเป็นมา (รวมทั้งความรู้สึกของหน่อยเองต่อการเข้าโรงบาลด้วย)

มันไม่ใช่แค่ไปเยี่ยมเพื่อนเพื่อแฮบของฝากอีกต่อไป แต่มันคือความเจ็บหนักของจริง

หน่อยบอกเลยว่า “บุน รักษาสุขภาพให้ดีนะ” เพราะมันทรมานมาก แต่หลังจากที่หน่อยพูดยังงั้น2-3วันต่อมา หมอก็เดินมาบอกว่า “ตอนที่ผ่าตัด หมอพบว่า มีนิ่วอยู่ในตับด้วย” โห แบบว่า ไม่หมดซะที หลังจากการฉีดสี เช็คเลือด ตรวจใหญ่อีกรอบ ก็พบว่า เลือดปกติ แต่ตับมีปัญหาแก่เกินอายุ แล้วมันก็ผลิดนิ่วออกมาเรื่อยๆ แล้วมันก็รักษาไม่ได้ ก็คงต้องรักษาไปตามอาการ เจ็บเมื่อไหร่ก็ค่อยผ่าออกอีกที งือ น่ากัว...

หน่อยออกจากโรงบาลแล้วเมื่อวันพฤหัส หน่อยยังมีท่อที่ต่อเอาน้ำดีออกมาจากพุงห้อยตามมาด้วย พี่ตามอยากให้หน่อยไปพักอยู่ที่บ้านก่อน เราเห็นด้วยอย่างยิ่ง และก็แอบอิจฉามันในเรื่องนี้อยู่นิดนึง(มากเหมือนกัน)

ส่วนบุนตอนนี้ก็ต้องพยายามจบเรื่องwebในส่วนของตัวเองให้ได้ภายในอาทิตย์นี้ คงต้องขึ้นหน้าไว้ให้ครบ ทั้งbottom, links, text ที่มีข้อมูลแล้วทั้งหมด จะได้เอาให้เค้าดูได้ว่า เนี่ย ที่เหลือ รอจากเค้าอยู่

Monday, April 11, 2005

Songkran

ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ก็จะได้หยุดยาวแล้ว คงไม่ได้ไปเที่ยวไหนอีกตามเคย แต่ปกติก็ไม่ชอบเที่ยวสงกรานต์อยู่แล้วหล่ะ ไม่รู้สึกสนุกกะเทศกาลนี้มานานพอควร อิจฉาคนที่เค้าไปเที่ยวๆสาดน้ำเหมือนกันนะ เห็นเอามาเล่าสนุ๊กสนุก ไม่แน่นะ ตอนแก่กว่านี้อาจชอบก็ได้ เพราะเรามักชอบทำอะไรหลังจากที่เพื่อนๆเค้าทำกันไปแล้วเสมอ ดีเลย์ประจำ ประมาณ2-3ปีอะ

Saturday, April 09, 2005

work / friends / love

วันหยุด วันเสาร์ หลังจากหลับยาวด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินสยามเมื่อวานนี้

วันนี้ก็ยังอยากออกไปเที่ยวอยู่ดี ทั้งๆที่ออกๆๆๆๆๆๆๆมันทุกอาทิตย์ นึกไม่ออกว่าครั้งสุดท้ายที่อยู่บ้านทั้งวันเนี่ยมันเมื่อไหร่ แต่ทำไมมันถึงไม่พอซักทีน๊า หรือเราแก้ปัญหาไม่ถูกจุด

วันนี้คงต้องพิมพ์ตารางให้ป๊าซักที หลังจากอู้มาหลายวันแล้ว ขี้เกียจด้วยอ่ะ ถ้าไม่ติดเรื่องนี้ก็คงออกไปแรดแถวๆสวนฯ ไม่ก็วังหลัง ไปวังหลังน่าจะดีนะ เห็นพี่เอ๋บอกอยากไปซื้อยีนส์ที่นั่น

จอดรถสนามหลวงก็ได้ เสร็จแล้วจะได้แถวเล่นว่าวด้วย ไม่รู้ว่าตอนนี้มีลมบ้างรึยัง ครั้งที่แล้วนี่นิ่งสนิท แต่ก็สนุกนะ ชอบจังเวลาที่อยู่กันเยอะๆเนี่ย ประสาทๆ บ๊องๆ จิตๆ แต่ดีอ่ะ ชอบ

เจอโอ๋ในmsn โอ๋ถามเรื่องตีแบดพรุ่งนี้ อยากไปเจอเพื่อนๆนะ แต่ติดงานน่ะ แล้วหลายเรื่องที่ต้องสะสาง ทำให้เสร็จซะที เพื่อนอย่าว่านะ อาทิตย์หน้าไม่พลาดแน่ๆ

บางทีก็เหนื่อยจัง มีหลายอย่างที่อยากทำ อยากทำทุกอย่างให้ดี ไม่อยากพลาดอะไรไป แต่ทำหลายๆอย่างพร้อมๆกันเนี่ย มันไม่ได้จริงๆ พยายามมาพักนึง มันอาจหนักไปนิดสำหรับชีวิตเราตอนนี้ หรือเราควรเอาดีมันซักทาง ตัดสินซะที

ตอนนี้แค่พยายามรักษาสมดุลของชีวิตก็ยังยากเลย เรื่องใหญ่ๆ3เรื่อง

work / friends / love

ใครเก่งๆบ้าง เขียนflow chart ให้บุนทีสิ

Friday, March 25, 2005

Don't !

Friday,

คืนวันศุกร์จ๊ะ
กลับจากถนนพระอาทิตย์สักพักนึงแล้วล่ะ

กุ้มใจ

ให้ทำไงดีน้า...... นี่บุนก็ทำดีที่สุดแล้วนะ
เราแย่หรอเนี่ย ที่คำพูดแค่คำสองคำ ก็ทำลายความพยายามเป็นชั่วโมงที่เราปั้นมากะมือ

รถติดอย่างหนักที่ถนนราชดำริ เราคุยโทรศัพท์กับคุณ หวังให้คุณสบายใจขึ้น

มันยากที่เราจะให้คุณได้เหมือนเมื่อก่อนหรอก ถึงเราจะอยากทำก็ตาม เวลานั้นมันผ่านมานานแล้ว เราเศร้า แต่ก็ผ่านมันมาอย่างแข็มแข็ง ด้วยตัวคนเดียว


ชีวิตนึงของเรา รับผิดชอบตัวเองก็ย๊ากยากแล้ว

การที่มีคนยอมรับเราเป็นหลักให้พิงเวลาเดินมาเหนื่อยๆเนี่ย ถือเป็นเรื่องดีมากนะ แต่เราไม่อยากเสียความเป็นตัวเองไป

เรามีความรักมากมายที่จะให้คนรอบข้าง เรารู้สึกดีมากๆที่ได้รักใคร เพื่อนเรา พี่ๆที่ออฟฟิส คนที่ดีกันเรามีมากมายจริงๆ

บางครั้งเวลาที่มีใครทำอะไรดีๆให้เราเนี่ย อยากจะกระโดดเข้าไปกอดจริงๆ


ก็ต้องรอกันต่อไป...

Monday, March 21, 2005

Death Note

Hi,

วันนี้คุณบัคต้องไปสิงคโปร์ตอนค่ำ เร่งงานขี้แตก บอกเช้าเอาบ่ายกลางวันหายจ้อย ไปพารากอนแหงๆ

แต่พรุ่งนี้สบายแระ ได้ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือตอนเที่ยง ครั้งที่แล้วลืมใบรายการอาหารทีจดของทุกคนไว้ที่ออฟฟิส ครั้งนี้จะเก็บไปให้ดีเชียว ไม่พลาดๆ

วันนี้ได้อ่านการ์ตูนแห่งคำร่ำลือ1เรื่อง คือ Death Note เป็นเรื่องหายากตามท้องตลาด ตอนนี้ออกมาแค่2เล่ม สนุกดีอะนะ ชอบที่มันต่อสู้กันด้วนความคิด โห แต่มันส์สุดๆ ไม่นึกว่าด้วยนิยามของDNจะเอามาแต่งเรื่องได้สุดยอดขนาดนั้น

(แต่ได้ข่าวว่าหลังๆนี่เริมออกทะเลเหมือนกัน ออกแนว Y เล็กๆด้วย--โฮ่ๆๆ อันนี้ยิ่งชอบ)

วันป๊กกะติ๊มากๆเลยน้าวันนี้ แอบเบื่องานนิดๆด้วย


Sunday, March 20, 2005

2nd.hand Violin

*วันนี้โดดเรียน

*วันนี้โดดตีแบด

วันนี้ไปสวนจตุจักรมาจ๊ะ ไปดูไวโอลินมือ2

คงเคยเห็นกันนะ ร้านที่อยู่แถวๆร้านขายหนัวสือเก่า ที่มีลุงนั่งเล่นอยู่

แต่ก็ไม่ถูกเลยนะ ไวโอลินเก่าที่เค้าขายอยู่เนี่ย 7พันกว่าแน่ะ ตัวใหม่ๆที่เค้าแนะนำก็4500 รวมกล่องอีก500เป็น5พัน แต่ถ้าอกะเค้าเนี่ย เค้าสอนให้ฟรีนะ แล้วไวโอลินของที่ร้านเค้าก็ซื้อคืนด้วยถ้าเราต้องการอัพเกรด ก็เอาไปเทิร์น จ่ายแค่ส่วนต่าง

Saturday, March 19, 2005

New Violin

ตอนเช้าไปสำเพ็ง ซื้อของกะจุ๊กกะจิ๊ก จริงๆแล้วจะไปเวิ้งนครเกษม แวะดูไวโอลินซะหน่อย หลังจากที่ดูๆไปได้3-4ร้านก็พอจะสรุปๆคร่าวๆแบบงูๆปลาๆได้ว่า มันก็มีเกือบทุกราคา ซึ่งเราก็ยังแบ่งเกรดไม่ได้อยู่ดีว่าอันไน๋ดี ไม่ดีตอนเช้า เอารถไปจอดที่วัดสาม...(อะไรสักอย่าง) จำไม่ๆได้ แต่สะดวกดีออกนะ เดินออกจากวัดก็มาถึงสำเพ็งเลย

เวิ้ง--วรจักร--สำเพ็ง--พระอาทิตย์--สนามหลวง--วัดมกุฎ--ข้าวต้มกุ๊ยวัดบวร

วันนี้สนุก ชอบ
- ได้เจอเพื่อน
- ได้เล่นว่าวที่สนามหลวง เนื่องจากอยากมานาน แต่ถึงจะไม่มีลม แต่ก็ได้ความทรงจำดีๆกลับมามากมาย
- จอยกลับมาแล้ว เป็นการชั่วคราว เพื่อสวดศพคุณตาที่จอยรักมาก

Thursday, March 17, 2005

my day

ง่วงอะ แต่ก็อยากทำรูปลงเวบ แต่ง่วงๆๆๆๆ ไปซื้อของที่สินธรมา เสียไปเป็นพันแฮะ
ง่า...

Wednesday, March 16, 2005

my day

อ้านะ

วันธรรมด๊าธรรมดา วันนี้ตอนค่ำๆคุณบักเดินมาคุยด้วย ประมาณว่า
ม่ายได้คุยกับคุณบุนตั้งนาน

Sunday, March 13, 2005

Winning

วันอาทิตย์แล้วสิ

วันนี้ไปตีแบดมาล่ะ ไปเล่นเกมส์ฟุตบอลมาด้วย โอ๋ใจดีจริงๆอุตสาห์สอนให้ แถมยอมให้เรายิงประตูตั้ง1ลูกแน่ะ (แต่เราโดนโอ๋อัดไป3 เหอๆๆๆ)

Saturday, March 12, 2005

งานแต่งงานของนายก็อบแก๊บ


















อะนะ...

วันนี้เป็นวันดีๆๆๆๆ มีคนมากมายแต่งงานกันวันนี้ หนึ่งในนั้นคือนายก็อบแก็บ (he is my ex-Boyfriend)

วันนี้นายก็อบของแม่เราแต่งงานแล้ว ที่บ้านเจ้าสาวในตอนเช้า แล้วไปเลี้ยงที่ชลบุรีตอนค่ำ เพราะปาป๊าของนายก้อบเป็นตำรวจทำงานอยู่ที่นั่น

ตอนแรกบอกนายตูนเอาไว้ว่าจะไปรับที่บ้านนะ(บ้านตูนอยู่แถวๆ4แยกบางนา) เพราะตูนรถคว่ำ หัวแตกมา สงสารม๊ากมาก จะไปรับนะ--- แต่มะคืนเล่นเน็ตดึกไปหน่อย ตั้งนาฬิกาไว้ตี 4.20

!!!!!!! !! !ติ๊ดๆๆๆๆๆๆ......อื้อๆๆ..ง่วงๆๆๆจัง ขออีก5นาทีนะ (กด pause)

!!!!!!! !! !ติ๊ดๆๆๆๆๆๆๆ......อื้อๆๆ..ยังง่วงอยู่อ้า...ขออีก5นาทีนะ (กด pause อีกครั้ง)

เป็นอย่างนี้ไม่รู้กี่ที แล้วก็ตื่นมาด้วยเสียงโทรศัพท์...อ้าวตูนโทรมาแฮะ ปรากฏว่าตี5.40แล้ว

เวรกรรม ฤกษ์หมั้น7โมงด้วย ตาลีตาเหลือกมาก ตูนเลยบอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวตูนมาหาที่บ้านเอง ตูนจะแบกหัวแบะๆของตูนมาหาเอง...ดีเหมือนกัน เราจะได้ไปอาบน้ำ แต่งตัว ขอสวยหน่อยนะวันนี้

**
บ้านแฟนก็อบอยู่ที่หมู่บ้านนันทวัลย์ วอยวัชรพล เป็นหมู่บ้านที่น่าอยู่มาก บ้านสวยด้วย มีสระว่ายน้ำฟรีฟอร์มอยู่ตรงด้านขวาของบ้าน แล้วเป็นบ้านที่ด้านหน้าบ้านติดกับสวนของหมู่บ้านด้วย


__เพื่อนนึกออกใช่มะ แบบว่าเหมือนหมู่บ้านใน standard book หง่ะ ที่ซอยบ้านแยกแบบแตกเป็นใบไม้ แล้วก็จะมี facility ของหมู้บ้านเป็นช่วงๆ อ้า...นั่นแหละ บ้านหันออกไปทางสวนพอดี

โชคดีมาก รถไม่ติดเลย ออกไปทางพัฒนาการ ขึ้นทางด่วนรามอินทรา ปู๊ดเดียวถึง ใช้เวลาเพียง20นาทีเท่านั้น เริ่ดๆๆๆๆ

ไปถึงก็เกือบๆ7โมงพอดี แต่ทางญาติของฝ่ายชายก็ยังมากันไม่ครบ ดีๆๆๆเราก็เรียกว่าไม่ได้มาสายล่ะ กลุ้มๆอยู่เพราะตูนต้องมาเห็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วย



















ฝ่ายเพื่อนเจ้าบ่าวครับ

ประมาณ7.40ก็เริ่มตั้งขบวนแล้วก็เดินแห่กันเข้าไปในบ้านเจ้าสาว อันนี้เค้าจัดแบบจีนนะคะ หัวขบวนถือ ..เอ้อ...คิดก่อน...ช่อดอกไม้(อันนี้พี่กิ๊ก พี่สาวก็อบเป็นคนถือ) ถาดส้มมงคล(ตูนกะติเป็นคนถือ) เหล้า เส้นหมี่จีน อันนี้บุนได้ถือล่ะ เค้าถือเคล็ดว่า เพี่อให้ชีวิตยืนยาว แล้วก็ตามมาด้วยน้ำตาล คงหมายถึงความชื่น ชื่นมื่นๆๆๆ

ขอลำดับพิธีการดังนี้ค่ะ

- ตั้งขบวน แล้วเดินเข้าบ้าน
- ขึ้นชั้นบน เพื่อรับเจ้าสาวที่อยู่ในห้องนอน อันนี้ต้องมีการผ่านประตูเงินประตูทองตามธรรมเนียม
- เจ้าบ่าวพาเจ้าสาวลงมาละ
- ข้างล่างก็เตรียมสินสอดทองหมั้น พ่อแม่ปู่ย่านั่งบนโซฟา บ่าว สาวนั่งที่พื้นปูด้วยผ้าแพรสีแดง
- ไหว้ผู้ใหญ่ สวมแหวนให้กัน ไหว้ๆๆๆ รับน้ำชาๆๆๆๆ


























หลังจากเก็บรูปไปได้สักพักก็ชวนตูนออกมานั่งที่เต๊นท์ผ้าด้านนอก กินหนมไรนิดๆหน่อยๆ เม้าท์แตกกันซักพัก อาหารก็เริ่มเสริฟ อย่างแรกเป็นออเดริฟที่มีปอเปี๊ยะทอดอร่อยมากๆๆ อย่างที่สองหูฉลามเห็ดหอมใส่ปูด้วย หร่อยสุดๆๆๆๆ อย่างที่สาม เป็ดอบแป๊ะก๊วย เป็ดนุ่มมาก หร่อยสุดๆ ต่อมาก็สลัดกุ้ง ต่อมาจำไม่ได้แล้วไม่รู้อะ เพราะปวดอึ๊เลยเดินไปเข้าห้องน้ำในบ้าน


















สิบโมงกว่าๆแขกก็เริ่มทยอยกลับ ติก็กลับแล้ว เห็นบอกว่าจะไปยันฮีรักษาสิว เฮ้อ...นี่ถ้ายังไม่มีแฟนนะคงคิดว่านายเป็น...แล้วล่ะ อิอิ

ตูนเองก็ต้องกลับมาเคลียร์งานด้วยเหมือนกัน เห็นว่าต้องส่งThesisประมาณอาทิตย์หน้า เราก็เลยไปบ๊ายๆก็อบ แฟนก็อบ พี่สาวก็อบ แม่ก็อบ กลับบ้านละกัน เราเองก็ยังมีไรที่ต้องทำอีกมาก ทั้งเขียนไดอารี่ให้ครบทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา หาที่เรียนไวโอลิน ง่วงด้วย ก็เลยขอกลับเลยดีกว่า

นายตูนท่าจะแย่แล้ว โมเดลยังไม่ได้ตัดเลย ไอ้เราก็จนปัญญาอะ ขนาดของตัวเองยังใช้พี่รหัสคนอื่นตัดให้เลย...อะนะ

แต่คิดว่าจะไปช่วยพรินต์งาน ตัดแปะไรพวกนี้นะตูน น่าจะเป็นอย่างเดียวที่เราทำได้ดีที่สุดว่ะ

ขากลับ ไปส่งตูนที่4แยกบางนา แล้วก็กลับบ้านมา online เขียนไดอารี่ซะหน่อย เขียนเก็บๆไว้

***
บ่ายๆวันนี้แปลนว่าจะเอารถไปเปลี่ยนมู่เล พี่เอ๋บอกว่าจะช่วยพาไปก็เลยนัดกันตอนเที่ยง(ตอนเช้าพี่เอ๋มีเทรนนิ่งที่office) เอารถพี่เอ๋จอดไว้ที่บ้าน แล้วเอารถเราออกไปอู่ด้วยกันแค่คันเดียว
แล้วตลกนะ พอบอกแม่ เล่าให้แม่ฟังว่าจะออกไปกะพี่เอ๋งี้ๆๆๆนะ แล้วแม่ถามกลับมาว่า "อ้าว! แล้วทำไมไม่เอารถตาเอ๋ไปล่ะ"

ฮ่วย ! แม่ ออกไปซ่อมรถหนูนะแม่ แม่ก็เลยแบบว่า เออๆๆจริงๆๆ

หลังจากเอาให้ที่อู่ดูแล้ว เค้าก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นที่มู่เล่จริงๆรึเปล่า เพราะในขณะนั้นมันไม่เห็นอาการ คือมันจะเป็นเฉพาะตอนสตาร์ทไง เค้าเลยแนะว่าควรถอดออกมาดู เลยคุยๆกันว่าเอามาวันจันทร์ดีก่า ก็ตกลง เดี๋ยววันจันทร์เอามาตั้งแหมะไว้ที่นี่

เฮ้อ!! สรุปว่าก็ต้องรอไปอีกวันล่ะนะ แต่ไม่ไร ไปกินข้าวละกันวันนี้ พอดีพี่เอ๋มีร้านอาหารแนะนำ เป็นร้านส้มตำไก้ย่างตรงทางลัดจากอุดมสุขไปเซ็นทรัลบางนา

ใครเคยผ่านไปแถวๆนั้นน่าจะนึกออก ที่เป็นร้านชาวบ้านๆ แต่รถจอดฮึม ต้มแซบอร่อย คอหมูย่างก็หร่อย ส้มตำโอเค แต่ไก่ย่างไม่หร่อย มันแห้งๆอะ แต่ถ้าใครชอบแห้งๆก็น่าจะโอนะ
เสร็จภารกิจการกินก็มาซีคอน(หนีไม่พ้นจิงจี๊ง) ตอนแรกก็กะว่าจะแค่เดินๆอะนะ แต่มีหนังที่พี่เอ๋อยากดูพอดี นั่นคือ Motorcycle Diary หนังประวัติชีวิตของ เช กูวารา ช่วงที่เค้าออกเดินทางท่องเที่ยวกับเพื่อนคนนึง ได้เจอคนที่เดือดร้อน ถูกเอารัดเอาเปรียบ ช่วงที่เค้าเข้าไปช่วยงานในสถานรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อน แค่นั้นแหละ

เป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตจริงๆที่บุนแอบหลับ ถึงอาจจะแค่10-20วินาทีก็เหอะ ... คือไงล่ะ บุนเป็นคนดูหนังแล้วไม่หลับอะ งกอะ เสียเงินมาดูแล้วนะ จะมาหลับได้ไง แต่ เช ทำได้ค่ะ เดี๊ยนรับรอง

ด้วยอารมณ์ความต่อเนื่องจากหนังรึเปล่า ทำให้วันนี้online ได้เพียงครึ่งชั่วโมง ความง่วงก็ถาโถม หลับไปบัดเดี๋ยวนั้น

ตื่นมาอีกทีก็มีคำทักทายจากเพื่อนอยู่บน msn ซึ่งบัดนั้นไอ้เพื่อนก็ได้ offline ไปเสียแล้ว โอย!!! ขอโทษจริงๆอะ หลับอยู่อะนะ

วันนี้ก็แค่นี้แหละจ๊ะ เป็นวันดีๆอีกวันหนึ่งของบุน

"มีคนคนนึงเป็นคนโชคดีมากๆ
เพราะในขณะเค้าที่รู้สึกหดหู่ เบื่อชีวิต
เหงาเหมือนอยู่คนเดียวในโลก
ยังมีคนอีกคนที่พร้อมที่จะซัพพอร์ทเค้าเสมอ"

อิจฉาคนโชคดีคนนั้นอะ สักวันบุนคงโชคดีแบบนั้นได้บ้าง

ปล.ขอแก้คำผิดนะคะ ในภาพอ่ะค่ะ ที่ถูกต้องเป็น "couple"

Wednesday, March 09, 2005

Farewell TIM+


วันนี้เลี้ยงส่ง Webmaster สุด Love

สถานที่ : จิ้มจุ่มข้างถนนซอยคอนแวนต์ เยื้องๆคาลิฟอร์เนียฟิตเนส

สมาชิก : บุน ติ๋ม มี๋ เอ๋ โป้ง ใหญ่ เส แก้ว (In order of appearance)

วันนี้ไปกินจิ้มจุ่ม หมูย่าง คอหมูย่าง ส้มตำ ไก่ย่าง ไข่เจียว ที่ร้านแห่งนึงซึ่งทั่น Webmaster แนะนำมา

หย่อยมากฮับ!!!

เป็นร้านจิ้มจุ่มริมถนนตั้งโต๊ะกันบนฟุตบาทเลยล่ะ แต่คนเยอะมาก บุนกะติ๋มไปถึงก็สั่งก่อนเลย จิ้มจุ่ม1ชุด หมูย่าง ส้มตำ, etc ...หิวมากอะ

หมูย่างนี่ติ๋ม recommend เลยนะ แต่บุนว่ามันแห้งๆไปนิด คือมีแต่เนื้ออะ ระดับบุนต้องนี่เรย "คอหมูย่าง" ติดมันคอเรสตอรอลฟุ่งปรี๊ดๆๆๆ เกรียมๆมะเร็งถามหา ทำลายสุขภาพสุดๆ

มี๋มาถึงแล้วเป็นคนต่อมา ตามมาด้วย เอ๋ โป้ง ใหญ่ เส แก้ว เจ๊แก้วนี่มาดึกมาก แต่ไม่สำคัญหรอกนะจะมาเร็ว มาดึก ขอให้มาเจอกันก็พอ หยั่งตอนที่ไปเยาวราชครั้งแรกน่ะ น้ามี๋ก็ตามมาตอน4ทุ่ม



ก็อย่างที่เคยบอกอะนะว่า "ถ้าจะมาก็จะรอ" ท่องไว้เลยนะ

* ถ้าจะมาก็จะรอ *

* ถ้าจะมาก็จะรอ *

* ถ้าจะมาก็จะรอ *

* ถ้าจะมาก็จะรอ *

* ถ้าจะมาก็จะรอ *

* ถ้าจะมาก็จะรอ *

อะจ๊ะ...

หลังจากที่ค่อยๆมากัน เลยทำให้ผู้ที่มาถึงก่อนสามารถถล่มได้ใหม่อีกเป็นระลอกๆ จนคุณพี่พนักงานในร้านเดินมาบอกว่า "กินกันให้ตายไปเลยนะคร๊าบ " 5 5 5

อ้านะ สบายพุง...

กินเสร็จเดินออกมาทางซอยคอนแวนต์ ตั้งใจหาหนมกินกัน ขาดความหวานไม่ได้จริงๆนะชีวิตนี้ แล้วก็เจอร้านขายหนมปัง-สังขยา เป็นแบบรถเข็นๆน่ะ มีพวก ไมโล กาแฟ ชา ขายด้วย อยู่หน้าสตาร์บัค

อร่อยชัวร์ร้านนี้ เพราะตอนที่ไปถึงมันหมดแล้วอ่า...ง่า อดกิน

ที่นี้ก็เลยไปกินติมที่สเวนเซนส์เป็นของหวานแทน ไม่รู้เค้าเรียกว่าตึกอะไรนะอันนี้ แต่เข้าห้องน้ำต้องจ่ายตังค์ด้วย ตั้ง5บาท 5บาทนะเว๊ย!!! แพงชะมัด รู้งี้เข้าที่สตาร์บัคก็ดีหรอก



หลังจากกินเสร็จ ขี้ เยี่ยว เรียบร้อย ก็ถึงเวลาอันเป็นสมควรที่จะต้องกลับบ้าน

และระหว่างทางที่เดินไปรถไฟฟ้านั่นเอง ใหญ่โชว์หญิงด้วยการแวะซื้อหวีสับลายดอกไม้ระย้า "เอาไว้ติดกล้วยหอม" ใหญ่มันว่างี้ คงหมายถึงผมมวยทรงกล้วยหอม ณ แอร์โฮสเตจ นั่นเอง
ติ๋ม เส ใหญ่ แก้ว กลับรถไฟฟ้า ส่วน บุน มี๋ เอ๋ โป้ง นั่งแท็กซี่กลับไปที่ออฟฟิสบุน บุนเอารถจอดไว้ที่นั่นน่ะ

วันนี้เศร้านะ สมาชิกกำลังจะหายไปตั้ง1คนแน่ะ

แต่ก็คงจะได้เจอกันบ่อยๆในนี้ล่ะนะ โชคดีนะติ๋ม มิสยูน้า บุนคงไม่ได้ไปส่งที่สนามบิน รีบเรียนรีบกลับนะ จะได้มีคนตีแบดครบๆเหมือนเดิม