Thursday, August 18, 2005

เครปมะม่วง กับ ค็อกเทลแพชชั่นฟรุต

เมื่อวานนี้พี่ปุ้ม(อาจารย์สอนภาษาฝาหรั่งของบุนเอง) บอกว่าจะเลี้ยง Japanese BBQ.
ทั่นๆที่เคยไป ที่ตึก CRC: All Seasons Place อาจนึกออก คือร้านที่ทำเหมือนมีหินดำๆแปะๆอยู่หน้าร้าน

ไม่ใช่Zenนะ อันนี้อยู่ปีกซ้ายของตึก ชั้น3 ข้างบน ร้านสเต๊กGarage

แต่ปรากฎว่า มันปิดจ๊ะ ปิดปรับปรุงชั่วคราว

พี่ปุ้มเซ็งเลย(คิดว่าเธอคงกำลังหิวด้วยล่ะ)

ก็เลยไปกินที่ร้านเดิมที่เคยไปกิน ที่ซอยร่วมฤดี
Curries & More
Mango Crapของที่นี่อร่อยสุดๆไปเลย 1เดือนที่ผ่านมากินไป3ชามแล้ว ไปที่ไรต้องกินทุกที แล้วก็ค้อกเทลมะม่วง สูตรพิเศษ อร่อย หวานๆ หอมมะม่วง

เสร็จประมาณสามทุ่มครึ่ง ยังค่ะ ยังไม่กลับบ้าน พี่ปุ้มทำค้อกเทลเลี้ยงอีก กินไปอีกเกือบ2แก้ว เป็นค้อกเทลที่อร่อยที่สุดที่เคยกินเลยนะ สไปร์ท น้ำเสารส(Passion Fruit) แล้วก็เหล้า แต่จำไม่ได้ว่าเหล้าอะไร พอมารวมกันแล้วจะอร่อยมาก หวานๆ หอมเสาวรส พูดแล้วอยาก แผลบ...

ได้ของฝากจากเขาใหญ่ด้วยเป็นน้ำองุ่น ยี่ห้อเดียวกับน้ำเสาวรสที่เล่าให้ฟังน่ะแหละ แล้วอีกอย่างคือไฟแช๊กรูปบุหรี่ อันเท่าจริงเลยนะ ใส่ไว้ในกล่องดูแทบไม่ออก

ดูรูป เม้าท์แตก

กลับบ้านเที่ยงคืนอ่ะค่ะ
เหมือนจะไม่ดึก แต่ว่านาฬิกาส่วนตัวของบุนจะเร็วกว่าคนอื่นเกือบๆ2ชั่วโมง เพราะตื่นก่อนชาวบ้าน2ชั่วโมง ถึงที่ทำงานตอน7โมง(แต่ยังไม่เริ่มงานนะ นั่งเล่น อ่านหนังสือพิมพ์ไปตามเรื่อง) จริงๆอยากเลิกงาน5โมงครึ่งด้วย แต่ยังทำไม่ได้ กำลังพยายามอยู่

ดังนั้น เมื่อบุนถึงบ้านตอนเที่ยงคืน นั่นหมายถึง มันกลายเป็นตี2ของบุนแล้วค่ะ เลยง่วงสุดๆ

เช้ามาปวดท้องนิดหน่อย วันนี้เลยลางานค่ะ ฮี่ๆๆๆๆ

Wednesday, August 17, 2005

Asus Center

ไปศูนย์บริการAsusมา
A S U S พนักงานจะเรียกตัวเองว่าอัสซุส
แต่พอขั้นไปถึงชั้น15 ถามหาเอากะคนแถวนั้น เค้าทำหน้างงกันหมด ก็เลยต้องบอกว่า เอ-ซัด น่ะค่ะ อยู่ตรงไหนคะ
จริงๆแล้วบุ่นบุ๊นก็มิได้อยากจะกระแดะแต่อย่างใด สองจิตสองใจเหมือนกันว่าจะถามชื่อไหนดีหว่า ใจจริงแล้วชอบคำว่าเอซัสสสส...มากกว่าอัสซุส ไม่รู้เป็นไง อันหลังมันดูโบรานๆพิกล

เอาละ ยังไงๆเราก็มายืนที่หน้าเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์แล้ว...

***
เมื่อสอง-สามวันที่ผ่านมา หลังจากตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อรุ่นไหน ไม่รอช้า ออกไปกดมา1ตัว จากIT City สาขาฟอร์จูน
จริงๆแล้วเนี่ย จิตใจก็เอนเอียงมาทางยี้ห้อนี้อยู่แล้วล่ะ เพราะศูนย์บริการอยู่ใกล้ออฟฟิสมาก เดินไป5นาทีเอง อีกข้อคือราคาไม่แพง ค่อนข้างสมฐานะ ช่วงนี้มีโปรโมชั่นแถมแรมให้อีก256ด้วย เริด...

ตอนซื้อนี่ซื้อเครื่องเปล่าเลยนะ โชว์แมนมาก

“ขอเครื่องเปล่าเรยนะคะ เอาแบบไม่มีไรเรยอะค่ะเพ่”
“เอ่อ...คับๆๆๆ แต่ที่นี่ก็มีแต่เครื่องเปล่าล่ะคับ ไม่มีOSให้”
“(แตร่ววว...)”


---
แต่ว่านะ ไม่เห็นมีใครบอกเลยนะว่า การแบ่ง partition ของ Hard disk น่ะ ทำได้ครั้งแรกครั้งเดียว(โดยไม่ต้องใช้โปรแรมช่วยใดๆ แค่แผ่นXPที่กำลังจะลงก็พอแล้ว) ถ้าลงWindowsไปแล้ว และต้องการจะแบ่งใหม่ จะเพิ่ม ลบ จะเพิ่ม ต้องใช้โปรแกรมช่วยแบ่ง(Partition Magic) ม่ายงั้นก็ต้อง ทำจาก DOS ทำBoot Disk (อันนี้มารู้ทีหลังจากการโทรไปที่ศูนย์) อะไรประมาณนี้แหละ จำไม่ค่อยได้ละ

“เอ่อ เหรอคะ แฮะๆๆ กลับไปตรงนั้นไม่ได้แร้วหรอคะ แล้วตอนนี้ CD น่ะค่ะ แทนที่จะเป็นDrive E มันกลายเป็น Dซะงั้น คือกลายเป็น
C = Local Drive
D = CD/DVD Rom
E = Local Drive

ซะงั้น
แฮะๆ งั้นช่วยแบ่งใหม่ให้หน่อยได้ไม๊คะ เรียงกลับให้ด้วยนะคะ”

---

นี่แหละ เหตุผลที่มายืนอยู่ที่นี่ ตอนนี้กับLaptopสุดLove
และด้วยเวลาไม่เกิน5นาที Partition ก็ถูกแบ่งเรียบร้อย เรียงลำดับอย่างงดงามจาก Local Drive> Local Drive > CD/DVD Rom ที่สำคัญคือ ไม่เสียตังค์ด้วย ดีๆๆๆ

แต่ก็ดีนะ วุ่นนิดนึง แต่เราก็ได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นอีกหน่อย ต่อไปจะได้ทำเป็น

เอากลับออฟฟิสมาลงWindowsได้ซะที
ตามด้วย Application ร้อยแปดที่ให้มา ที่ชอบมากมีอันนึงชื่อ Power Media Director เอาไว้ให้ตัดต่อหนัง เดี๋ยวก่อน... เดี๋ยวได้ฮาแน่
ศูนย์นี้บริการดีมากๆเลยนะ อันนี้พอจะรู้ตั้งแต่ตอนพี่โน๊ตเอาปุ่มมาเคลมแล้วล่ะ ตอนนั้ปุ่ม F11ของพี่โน๊ตเด้ง เค้าก็เปลี่ยนอันใหม่ให้ ไม่งอแงด้วย

แต่ว่านะถึงจะบริการดีแค่ไหน ถ้าไม่ต้องไปเลยน่าจะดีที่สุดจ๊ะ

Tuesday, August 16, 2005

Mother's Day

เนื่องในโอกาสวันแม่ค่ะ เขียนเอาเตือนตัวเอง เพราะชอบเผลอวีนแม่บ่อยๆ แฮะๆๆ (แต่ยังไงแม่ก็รักบุนมากที่สุด)
จาก Guru Magazine Vol.1 No.03

บางคนคงเคยผ่านๆตามามั่งแล้ว


Song for Mommy Dearest

*When you're 4years old, you think mama can do anything.


*When you're 8, you think mama knows everything.



*When you're 12, you bebin to have doubts about mama's capability and knowledge.



*When you're 14, you're pretty sure mama doesn't know anything and should learn to knock before coming into your bedroom.



*When you're 16, you're certain that mama is always clueless and hopelessly uncool - you don't event want to be seen with her.



*When you're 18, mama is just that old women who cooks your food and does your laundry.



*When you're 25, you begin to wonder if you were wrong about mama.



*When you're 35, you find yourself saying this phrase at least once a week: "Darn it, should have listened to mama."



*When you're 40, you find yourself saying this phrase on a daily basic: "Darn it. mama was right."



*When you're 65, the only thing you wish for is for mama to still ba around so you can talk to her.

Wednesday, August 10, 2005

บุนนอนดึกนะ เธอก็รู้นิ...

วันนี้ได้smsจากเพื่อนรักคนนึง(เพื่อนคนนี้รักมาก ถึงตอนนี้จะไม่ได้สนิทหรือเจอกันบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อน)เพื่อนบอกว่าว่างไม๊ ช่วยโทรกลับไปได้เปล่า เราก้อโทรไป เพื่อนบอกขอรบกวนwriteโปรแกรมcadให้หน่อย อื้อๆๆๆได้สิแค่นั้นเอง

คุยกันเสร็จ นึกขึ้นได้ก็เลยถามเพื่อนไป นี่ๆวันก่อนโทรไป ไม่เห็นโทรกลับมาเรย ไม่เห็นmiss callหรอ...

"เห็นแล้ว แต่ขี้เกียจโทร เห็นตอนดึกแล้วด้วย"

*

*

*

คุณคงไม่ทันคิดมั๊ง ที่พูดคำนี้ออกมา
คุณมักตำหนิบุนเสมอเรื่องที่บุนชอบพูดอะไรเหมือนคิดน้อย
แต่ทำไมวันนี้คุณพูดงี้ล่ะ

ปกติคุณจะถือเป็นอย่างมากเรื่องการพูดจาทำร้ายคน
แม้แต่บุน คุณยังตำหนิเสมอว่าชอบพูดไม่คิด(ซึ่งทุกครั้งเราก็เถียงไปว่า เราคิดแล้วแต่นี่เป็นสไตล์ของเรา เป็นวิถีของเรา)

*

*

*
ทุกวันนี้ก็คุยกันน้อยมากๆอยู่แล้ว แต่บุนไม่อยากให้เราขาดกันไป


ถ้าพิจารณาจากนำเสียงที่คุณพูด เหมือนคุณไม่ค่อยอยากให้บุนไปยุ่งกับชีวิตเท่าไหร่...

Sunday, August 07, 2005

เพื่อนเจ้าสาว

เมื่อวานนี้เป็นงานแต่งงานเพื่อนคนนึง รู้จักกันมาเป็น10ปีแล้ว เป็นสาวน้อย(อวบๆ) เมื่อเช้าก็ไปงานรดน้ำ ต้องเรียกว่าไปช่วยงานถึงจะถูก ได้ออกไปเชิญขันหมากด้วย สนุกดี เดี๋ยวเอารูปมาลงให้ดูนะ

...นึกถึงตอนไปงานแต่งงานก็อบ นึกถึงตูน เออ ตูนน่าจะมาด้วยแฮะ...

ช่วงค่ำจัดงานที่ปาร์คนายเลิศ(ฮิลตั้น) ไปเชิญแขกเข้างาน ดีใจเจอเพื่อนเก่าๆ เสียดายมากันไม่เยอะมาก ส่วนมากเป็นแขกผู้ใหญ่ แต่เราคุยกันแล้วว่า เดี๋ยวมีนัดเจอกันอีกแน่นอน(ในเดือนนี้แหละ ก่อนเราไปโตรอนโต)

ได้เห็นงานแล้วก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ เราเคยมีความรู้สึกแปลกๆกับงานแต่งงานมาก่อน แบบ เอ๊ ทำไมมันต้องมาทำยังงี้ๆๆๆๆกันด้วย

แต่เชื่อไม๊ว่า ความรู้สึกแปลกๆนั้นค่อยๆหายไปทุกครั้งที่เราได้ไปงานแต่งของใครสักคน

ตอนนี้ เราเริ่มชินกับมันมากขึ้น เราเข้าใจอะไรๆมากขึ้น แบบว่า

อ่อ...ไอ้ที่เค้าทำแบบนี้มันเพื่ออะไร จริงๆมันไม่มีอะไรเลยนะ ทุกสิ่งอย่างทำเพื่อความเป็นสิริมงคลทั้งสิ้น และก้เพื่อประกาศให้ชาวบ้านชาวช่องรู้แล้วว่า ลูกสาวชั้น ลูกชายชั้น แต่งงานแร้วนะยะ ทีนี้ถ้าเธอเห็นเขาทั้งสองไปไหนมาไหนกระหนุงกระหนิง ก็อย่าได้เอาไปเม้าท์เชียวล่ะ เพราะเค้าเป็นสามีภรรยากัน...

บางอย่างที่เราเคยเห็นว่ามันงี่เง่านะ เช่น การรดน้ำสังข์ เราเคยคิดว่า ทำไปทำไมนี่ แต่พอเราได้ไปยืนข้างหลังคู่บ่าวสาว เราเห็นความหวังดีของญาติๆที่มาร่วมงาน คำอวยพร มันเป็นสิ่งที่ดี เรารู้สึกได้


ส่วนพิธีตอนกลางคืนนะ ตอนส่งเข้าหอ เค้าจะให้คู่บ่าวสาวนอนบนเตียงที่โปรยดอกไม้ ทุกคนยืนอยู่เต็มเลย พ่อแม่ ญาติๆ เพื่อน ช่างภาพ แล้วป้าจิ๋มก็อวยพร "ขอให้มีความสุขนะลูก" "เอ้า หลับตา" "ฝันดีใช่ไม๊คะ" "มีความสุขนะลูก" ส่วนบ่าวสาวก็พูด ค่ะ ครับ นี่ถ้าเป็นคนอื่น เราคงมองขำๆเหมือนทุกทีที่ผ่านมา แต่นี่เป็นเพื่อนเรา มีป้าจิ๋มมาอวยพรต่างๆนาๆ และทุกคนในที่นั้นก็มีความสุขไปด้วย




******

อ่อ แร้วก็นะ พวกที่ชอบมาถามเมื่อไหร่คิวชั้นเนี่ย พวกแก ให้มันทีละขั้นตอนสิยะ ขั้นแรกยังไม่ถึงไหนเล๊ย...

ตอนนี้ก็ฝันๆไปก่อนอะ อยากจัด out door แบบว่าจริงๆแร้วอยาดจัดริมหาดจัง แต่คงยากไป งั้น out door ก็ได้ ฝันไปงั้นแหละ อนาคตอีกยาวไกล